วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แปรรูปขยะ..เป็นพลังงานใช้กระป๋องทำแผงโซล่าร์เซล


แผงโซล่าร์เซลจากกระป๋องนม
หลังน้ำลด…“ขยะ” ได้ถูกทิ้งออกมาเกลื่อนไปทั่ว โดยเฉพาะ กรุงเทพมหานคร สรุปการเก็บขยะใน พื้นที่ทั้ง 50 เขต มากถึง 7,000 ตัน และทั่วประเทศเมื่อรวมกันแล้วมีขยะถึง ล้านตันเลยทีเดียว…
ขยะ…ที่สามารถนำไปแปรรูปเพื่อนำกลับไปใช้ได้ใหม่ หรือการนำมาสร้างประโยชน์ในด้านอื่นๆได้นักวิจัยและพัฒนาในบ้านเรา ก็ได้ตระหนักถึงการช่วยเหลือในการกำจัดขยะเหล่านี้ จึงได้มีความพยายามที่จะคิดค้นประดิษฐ์ แผงรับรังสีจากแสงอาทิตย์ (โซล่าร์เซล) จากขยะ…
ดร.สถาพร ทองวิค
โดย ดร.สถาพร ทองวิค จากภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี บอกว่า ประเทศไทย…เป็นประเทศที่มีศักยภาพพลังงานแสงอาทิตย์ค่อนข้างสูง เนื่องจากได้รับรังสีดวงอาทิตย์สูงเกือบตลอดทั้งปี จึงมีศักยภาพที่จะนำมาใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี
“พลังงานแสงอาทิตย์” เป็นพลังงานทดแทนที่ หลายๆคนรู้จักกันดี และในขณะที่ พลังงานจากเชื้อเพลิง กำลังเริ่มลด พลังงานแสงอาทิตย์จึงเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ด้วยเพราะเป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมด เมื่อนำมาใช้ก็ไม่ได้ก่อผลต่อสิ่งแวดล้อมใดๆ หรือจะเรียกว่าพลังงานสะอาดก็ว่าได้
ฉะนั้นใครจะคิดว่า …เศษขยะที่ใช้แล้วทิ้งจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ จึงเริ่มในการทดสอบโดย ใช้ขยะ อย่างเช่น กระป๋องนมข้น กระป๋องอะลูมิเนียม ยาง และ สังกะสี มา สร้างเป็นแผ่นรับรังสีจากดวงอาทิตย์ ก่อนจะทำการทดสอบและศึกษาข้อมูล ในส่วนของกระบวนการทดสอบได้นำ ขยะเหลือใช้ทั้ง 4 ชนิด มาทดสอบกับ ระบบการไหลของน้ำ 1, 1.5 และ 2 ลิตร ต่อนาที ตามลำดับเพื่อนำไปวิเคราะห์…
ขั้นตอนการทำ
จากนั้นก็นำไป เปรียบเทียบกับแผงรับแสง อาทิตย์และสรุปผล โดยพบว่า แผงรับรังสีอาทิตย์ ที่อัตราการไหล 1, 1.5, 2 ลิตรต่อนาที ที่อัตราการไหล 1.5 ลิตรต่อนาที และ กระป๋องอะลูมิเนียมเป็นตัวรับรังสีอาทิตย์ มีประสิทธิภาพรวมสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 94.13 รองลงมาที่อัตราการไหล 1 ลิตร ต่อนาที มีประสิทธิภาพคิดเป็นร้อยละ 82.43 และที่อัตราการไหล 2 ลิตรต่อนาทีมีประสิทธิภาพต่ำสุดคิดเป็นร้อยละ 77.61
อย่างไรก็ดี ดร.สถาพร ยังบอกอีกว่า พลังงานที่ได้จากแสงอาทิตย์มีค่าประมาณ 17 MJ/m2-day การใช้พลังงานแสง อาทิตย์ สามารถใช้ได้ในหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของพลังงานความร้อน (โดยการต้มน้ำ) หรือไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ และถ้าประกอบกับการนำเอาเศษขยะที่ไม่ได้ใช้แล้วกลับมาใช้ประโยชน์
ปัจจุบันการใช้แผงโซล่าร์เซลนั้น มีข้อจำกัด เพราะราคาค่อนข้างแพง ทำให้ประชาชนที่มีกำลังรายได้ต่ำ ไม่สามารถซื้อหามาใช้ได้ ในการสร้างผลงานครั้งนี้…
…กลายเป็นโอกาสที่ประชาชนจะได้ใช้ พลังงานแสงอาทิตย์อย่างทั่วถึง เพราะมีต้นทุนที่ต่ำลง ทั้ง ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ลดขยะได้อีกทางหนึ่งอีกด้วย…
ผู้สนใจอยากไปชม แผงโซล่าร์ เซลจากกระป๋องนมด้วยตาตนเอง หรือมีข้อสงสัยใดๆ กริ๊งกร๊างหา ดร.สถาพร เจ้าของผลงานชิ้นนี้ยินดีจะให้คำปรึกษาได้ที่ 0-2549-3435 ในเวลาราชการ.
ไชยรัตน์ ส้มฉุน

วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ค้นพบดาวเคราะห์คู่ขนาดเท่าโลกอยู่นอกระบบสุริยจักรวาล



แหลมคานาเวอรัล 21 ธ.ค.-นักดาราศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์คู่ขนาดเท่าโลก โคจรอยู่รอบดาวฤกษ์เหมือนกับดวงอาทิตย์  แต่ไม่คาดว่าจะมีสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อสิ่งมีชีวิต 

การค้นพบครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อช่วงต้นเดือนนี้  นักวิทยาศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์ซูเปอร์-เอิร์ท ชื่อเคปเลอร์-22 บี โคจรอยู่รอบดาวแม่ในระยะทางที่เหมาะสมที่เชื่อว่าน่าจะมีน้ำอยู่บนพื้นผิว

นายเดวิด ชาร์บอนโน นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า เคปเลอร์-22 บี มีอุณหภูมิที่เหมาะสม แต่มีขนาดใหญ่เกินไป แต่ดาวเคราะห์ดวงใหม่ที่ค้นพบมีขนาดเหมาะสม แต่กลับมีอุณหภูมิที่สูงเกินไป

ดาวเคราะห์ดวงใหม่มีชื่อว่าเคปเลอร์-20อี และเคปเลอร์-20เอฟ  มีดาวพี่น้องที่อยู่ร่วมระบบอีกอย่างน้อย 3 ดวง  ซึ่งนับเป็นระบบดาวเคราะห์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่พบในเวลานี้  แต่ระบบดาวเคราะห์ดังกล่าวไม่เหมือนกับระบบสุริยจักรวาล ซึ่งมีดาวเคราะห์หินแข็งเช่น ดาวศุกร์ โลก และดาวอังคาร เป็นกลุ่มรวมกันอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ และมีดาวเคราะห์ที่เป็นกลุ่มก๊าซขนาดยักษ์ เช่น ดาวพฤหัส และดาวเสาร์ แยกอยู่ในส่วนนอก 

ระบบดาวเคราะห์เคปเลอร์ 20อี และ 20เอฟ ประกอบด้วยดาวเคราะห์ขนาดเท่าดาวเนปจูน 3 ดวง  ทั้งหมดอยู่กระจายกัน โคจรอยู่ใกล้กับดาวฤกษ์ที่เป็นดาวแม่ในระยะทางใกล้กว่าดาวพุธซึ่งอยู่วงในสุดของสุริยจักรวาล 

นายชาร์บอนโน กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่พบเห็นระบบดาวเคราะห์ที่มีดาวเคราะห์หินแข็งและดาวเคราะห์ที่เป็นกลุ่มก๊าซผสมอยู่รวมกัน  และด้วยลักษณะเช่นนี้ทำให้เชื่อว่า ดาวเคปเลอร์-20อี และเคปเลอร์-20เอฟ มีอุณหภูมิร้อนเกินไปที่จะมีน้ำ และไม่น่าจะมีสิ่งชีวิตอยู่ในขณะนี้   และถ้าดาวดวงนี้เคยมีน้ำ ก็เชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้นเมื่อหลายพันล้านปีที่แล้ว ซึ่งอาจจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เป็นระยะเวลายาวนาน 

ระบบดาวเคราะห์ดังกล่าวอยู่ห่างจากโลก 1,000 ปีแสงในบริเวณกลุ่มดาวรูปพิณ. -สำนักข่าวไทย

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Maple Syrup urine deseed (MSUD) – โรคฉี่หอม


baby-a1
Maple Syrup urine deseed ( MSUD ) หรือชื่อที่เราเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า ” โรคฉี่หอม ” โรคฉี่หอมเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากกรรมพันธ์ (DNA) โดยส่วนใหญ่แล้วเด็กแรกเกิดจะมีโอกาสเป็นน้อยมาก หรือ 1 ใน 180,000 คน ในประเทศไทย โรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่แรกเกิด
โรคฉี่หอม หรือ Maple Syrup urine deseed ( MSUD ) นั้นเป็นโรคในกลุ่มพันธุกรรมเมตาบอลิค metabolic disorders  เกิดจากร่างกายไม่สามารถย่อยกรดอะมิโน ที่เกินจากความต้องการของร่างกายได้ทำให้มีกรดอะมิโน (โปรตีน) หลงเหลือและตกค้างในร่างกาย ตามปกติของร่างกายเมื่อมีกรดอะมิโนมากเกินกว่าความจำเป็น ร่างกายจะกำจัดออกเองตามธรรมชาติ แต่ในกรณีผู้ที่เป็นโรคจะไม่สามารถขับออกได้ตามปกติ ทำให้เวลาฉี่จึงมีกลิ่นคล้ายกลิ่นน้ำเชื่อมเมเปิ้ลหรือกลิ่นน้ำตาลไหม้
สาเหตุของโรค
โรคกลุ่มนี้มักเกิดจากการแต่งงานระหว่างเครือญาติ ที่มีสายพันธุ์หรือเชื้อชาติเดียวกัน เช่น คนจีนที่ใช้แซ่เดียวกัน คนไทยในต่างจังหวัดที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ซึ่งครั้งหนึ่งอาจเคยเกี่ยวดองกัน ทำให้ยีนด้อยที่มีความบกพร่องเหมือนกันมาเจอกัน ลูกที่คลอดออกมาจึงเป็นโรคพันธุกรรมเมตาบอลิคได้
*ในกรณีที่ ยีนด้อย เจอกับ ยีนเด่น หรือ ยีนเด่น เจอกับ ยีนด้อย เด็กที่เกิดมาจะไม่เป็นโรคแต่จะเป็นพาหะ
อาการของโรค
1. เด็กที่เป็นจะมีอาการซึม หงอย ไม่ลืมตา
2. เด็กมีกลิ่นตัวและกลิ่นฉี่หอม คล้ายกลิ่นน้ำเชื่อมเมเปิ้ล หรือกลิ่นน้ำตาลไหม้
3. เวลาเด็กดูดนมแม่จะดูดนมช้า, น้อย และมีอาการอาเจียนออกมาเป็นนม
4. ถ้าปล่อยไว้เป็นเวลานานสารจำพวกโปรตีนที่สะสมในร่างกายจะก่อตัวเป็นสารพิษเข้าไปทำลาย สมอง ทำให้มีปัญหาการทรงตัว ตาเหร่,เข ไม่สามารถพูดหรือสื่อสารได้
การรักษาโรค
โรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากตรวจพบและรักษาได้ทัน อาจจะต้องมีการให้เอนไซม์ชดเชยประกอบกับกินอาหารตามแพทย์แนะนำ เพื่อไม่ให้มีสารโปรตีนตกค้าง และจะทำให้เซลล์นำเอนไซม์ไปกำจัดสารพิษที่สะสม มีผลทำให้เผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น
จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็น?
โดยการเจาะเลือดที่ส้นเท้า ซึ่งเป็นส่วนที่สามารถได้เลือดเด็กมากที่สุด อีกทั้งยังเป็นวิธีสากลที่ทั่วโลกยอมรับ หากผลปกติ แสดงว่าลูกน้อยไม่ได้เป็นโรคในกลุ่มพันธุกรรมเมตาบอลิค แต่หากยังไม่วางใจว่าปลอดภัยจากโรค คุณพ่อคุณแม่จะต้องเฝ้าสังเกตพัฒนาการของเจ้าตัวน้อยว่าอยู่ในเกณฑ์หรือไม่ เช่น หากลูกพูดหรือเดินช้า เซื่องซึม ตับและท้องโต กระจกตาขุ่น มีปัญหาการได้ยิน ตลอดจนมีอาการทางสมองหรือชักบ่อยๆ ให้รีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันทีค่ะ
*หมายเหตุ: เด็กที่เป็นโรคนี้ห้ามทานเนื้อสัตว์ นม และอาหารที่มีโปรตีนเด็ดขาด ยกเว้น นมสูตรเฉพาะของเด็กที่เป็นโรคฉี่หอม (ซึ่งต้องให้ทานตามปริมาณที่กำหนด

Abidjan


Abidjan is the economic and former official capital of Côte d'Ivoire, while the current capital is Yamoussoukro. As of 2011 it was the largest city in the nation and the third-largest French-speaking city in the world, after Paris, and Kinshasa but before Montreal.[3] It has, according to the authorities of the country in 2006, 5,068,858 residents in the metropolitan area and 3,796,677 residents in the municipality. Only Lagos, the former capital of Nigeria, has a larger number of inhabitants in this region. Considered a cultural hub of West Africa, Abidjan is characterized by a high level of industrialization and urbanization. The city stands inÉbrié Lagoon, on several converging peninsulas and islands, connected by bridges.
The city grew after the construction of a new wharf in 1931 and its designation as the capital of the then French colony in 1933. The completion of the Vridi Canal in 1951 enabled it to become an important sea port. In 1983, Yamoussoukro was designated as the nation's capital, but most government offices and foreignembassies are still in Abidjan.


ออโรรา (ดาราศาสตร์)


ออโรรา เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่มีแสงเรืองบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน โดยมักจะขึ้นในบริเวณแถบขั้วโลก โดยบางครั้งจะเรียกว่า แสงเหนือ หรือ แสงใต้ ขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิด
ปรากฏการออโรราเป็นตัวอย่างปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ที่น่าทึงที่สุดที่เกิดขึ้นในอวกาศที่ใกล้พื้นโลก มันอาจปรากฏจากสิ่งจางๆ เป็นวงนิ่ง แล้วระเบิดออกมาเป็นสีต่าง ๆ พุ่งกระจายภายในเวลาไม่กี่วินาที บางครั้งจะปรากฏเหมือนมันจะแตะกับพื้น หรือในเวลาอื่นอาจเห็นมันพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่ความจริงแล้ว แสงออโรรานั้นเกิดขึ้นที่ความสูงจากพื้นโลก (altitudes) ประมาณ 100 ถึง 200 กิโลเมตร บริเวณที่อยู่บริเวณบรรยากาศชั้นบนที่อยู่ใกล้กับอวกาศ

แสงเหนือ ตามประวัตินั้นมีชื่อมากมายหลายชื่อ ชื่อวิทยาศาสตร์ของปรากฏการณ์นี้ คือ ออโรรา บอเรลลีส (Aurora Borealis) ซึ่งเป็นภาษาละติน แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า รุ่งอรุณสีแดงแห่งทิศเหนือ ซึ่งตั้งชื่อโดย กาลิเลโอ กาลิเลอิ (Galileo Galilei) (ค.ศ. 1564 – 1642)
คำว่า "Aurora Borealis" แปลว่า "แสงเหนือ" (Northern Light) ส่วน "Aurora Australis" แปลว่า "แสงใต้" (Southern Light) และคำว่า "Aurora Polaris" แปลว่า "แสงขั้วโลก" ใช้เรียกทั้งแสงเหนือและแสงใต้



วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554

สุนัขที่ราคาแพงที่สุดในโลก ...ตัวละ 45 ล้านบาท


สุนัขพันธุ์ "ทิเบทัน แมสทิฟ"
    
ทิเบทัน แมสทิฟ
    
ถึงใครจะบอกว่าเงินซื้อความรักและความสุขไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ เงินก็ซื้อเพื่อนที่แพงที่สุดได้ และเพื่อนที่ว่านั่นก็คือ "สุนัข" เพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์นี่เอง
    
เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อ เศรษฐีเหมืองถ่านหินรายหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศจีนได้ซื้อเจ้าสุนัขชื่อ Big Splash หรือชื่อภาษาจีนว่า ฮง ตง (Hong Dong) ไปในราคาย่อมเยา แบบขนหน้าแข้งไม่ร่วงแค่ สิบล้านหยวน หรือประมาณ 45,900,000 บาท แค่นั้น!
    
เจ้า Big Splash เป็นสุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟตัวสีแดง (Red Tibetan Mastiff) และดูไปดูมาก็เหมาะที่จะมาอยู่กับเจ้าของมหาเศรษฐีรายนี้จริงๆ เพราะเพียงแค่น้ำหนักของเเจ้า Big Splash อย่างเดียวก็ปาไป 82 กิโลกรัมแล้ว แถมยังกินจุใช่ย่อแต่ละวันมันกินทั้งไก่ ทั้งเนื้อ ยิ่งไปกว่านี้เจ้าของยังจะต้องปรนเปรอด้วยอาหารเหลาชั้นดีทั้งหลาย ซึ่งรวมไปถึงหอยชั้นเลิศต่างๆและหอยเปาฮื้ออีกด้วย
    
นอกจากอาหารชั้นเลิศแล้ว น้อง Big Splash ยังต้องการบ้านของตัวเองหลังใหญ่อีกหนึ่งหลังเพราะขนาดของมันใหญ่มาก และน้ำหนักก็จะสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกจนถึงประมาณ 129 กิโลกรัมตามขนาดของอายุ

    
ผู้เพาะพันธุ์เจ้าสุนัขตัวนี้บอกว่า Big Splash เป็นตัวอย่างของสุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟอย่างดี และค่าตัวมหาศาลของมะหมาวัย 11 เดือนตัวนี้ จริงๆ แล้วก็ถือว่าเหมาะสมแบบสุดๆ เพราะกว่าจะเลี้ยงมันมาจนขายได้ขนาดนี้ก็จ่ายเงินเดือนลูกน้องไปหลายอยู่ แถมผู้เพาะพันธุ์สุนัขรายนี้ยังแนะอีกด้วยว่าหากเจ้าของสุนัขตัวเมียตัว ไหนอยากให้ Big Splash ไปผสมพันธุ์กับสุนัขของตน ให้เจ้าของปัจจุบันของ Big Splash คิดเงินเจ้าของสุนัขตัวเมียได้เลยเต็มที่ถึงครั้งละประมาณ 10,000 ปอนด์ หรือประมาณ 486,000 บาท
    
การที่สุนัขตัวหนึ่งมีราคาแพงหูฉี่ถึงขนาดนี้ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกอย่างหนึ่ง ว่าสุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟตัวสีแดงได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกสถานะของพวกรวยมหาศาลในประเทศ จีนไปแล้ว แทนที่การซื้อจิวเวลรี่ และรถยนต์ ซึ่งดูจะธรรมดาเกินไป

    
ยิ่งไปกว่านั้นสีแดงยังเป็นสีที่นำโชคสำหรับคนจีน และสุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟยังถือว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่จะคอยช่วยปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บและ นำความปลอดภัยและความมั่นคงมาให้เจ้าของ

    
ชาวทิเบตมีความเชื่อว่าเจ้าสุนัขพันธุ์นี้มีจิตวิญญาณของพระและชี ผู้ซึ่งจริงๆ แล้วขณะที่มีชีวิตอยู่ไม่สามารถปฏิบัติตนได้ดีเพียงพอที่จะไปเกิดเป็นมนุษย์ อีกครั้ง
    
ในสมัยอดีต บุคคลประวัติศาสตร์ที่เคยมีสุนัขพันธุ์นี้เป็นเจ้าของ ได้แก่ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร และ เจง กีส ข่าน
    
ในปัจจุบัน ที่ประเทศอังกฤษมีสุนัขพันธุ์นี้อยู่ประมาณ 300 ตัว โดยที่ลูกสุนัขแต่ละตัวราคาประมาณ 850-1,000 ปอนด์ (41,000-48,000 บาท)
    
ผู้เพาะพันธุ์สุนัขทิเบทัน แมสทิฟชาวอังกฤษผู้หนึ่งเล่าว่าสุนัขพันธุ์นี้คิดเองได้และสามารถมีปราสาท รับรู้อันตรายได้อย่างมีไหวพริบ อีกทั้งพวกมันยังคอยดูแลฝูงสัตว์ และยังรักเด็กอีกด้วย
    
เมื่อปีที่แล้ว สุนัขพันธุ์ทิเบทัน แมสทิฟก็เป็นสุนัขที่แพงที่สุดในโลก โดยที่ขายไปในราคา 915,000 ปอนด์ หรือประมาณ 44 ล้านบาท...เท่านั้น
    
ที่มา/ภาพ:www.sanook.com

Teresa Fidalgo จดหมายลูกโซ่ ไม่ส่งตาย!


หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้รับจดหมายลูกโซ่ทั้งทางจดหมาย หรือทางอีเมลมาแล้ว โดยข้อความในจดหมายส่วนใหญ่จะเป็นข้อความให้ผู้อ่านต้องส่งจดหมายต่อไปเป็น ทอด ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันจบ ซึ่งจดหมายลูกโซ่นั้นมีหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น แนวลึกลับ เช่น ฉันพบผู้หญิงคนหนึ่งตายในห้องน้ำ ถ้าไม่ส่งข้อความนี้ 7 ครั้ง ภายใน 10 นาที คุณจะต้องมีอันเป็นไป หรือ แนวอวยพร เช่น วันนี้วันที่ 11 เดือน 1 ปี 11 วันนี้เค้าถือว่าวันดี ถ้าใครส่งข้อความนี้ในเวลา 11.11 ครบ 10 คน คุณจะโชคดีตลอดปี เป็นต้น

ทั้งนี้ จดหมายลูกโซ่จะมาในรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไปตามสมัย โดยสมัยก่อนจะมาในรูปแบบจดหมาย หรือเป็นใบปลิวส่งตามบ้าน ให้คนส่งจดหมายถึงคนที่ต่อไปเป็นทอด ๆ แต่ ตอนนี้เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันอย่างมากจากจดหมายลูกโซ่ นั้นก็แปรสภาพมาเป็นอีเมลลูกโซ่แทน และยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการส่งข้อความลูกโซ่ ผ่าน บีบีแชท หรือ เฟซบุ๊กอีกด้วย และไม่ว่าจดหมายลูกโซ่จะถูกส่งมาในรูปแบบใด เชื่อว่าคนที่ได้รับก็ต้องรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ และไม่สบายใจแน่นอน แต่หลายคนอาจจะมองว่าจดหมายลูกโซ่ดังกล่าวเป็นแค่เรื่องขำ ๆ ไม่มีอะไร เพียงแต่ได้รับและก็รู้สึกรำคาญเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง 

สำหรับจดหมายลูกโซ่ที่กำลังเป็นที่ฮือฮา ถูกเผยแพร่ในโลกไซเบอร์เป็นวงกว้าง และกำลังถูกส่งต่อมากที่สุดในประเทศไทยอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทางอีเมล ทางบีบีแชท หรือว่าเฟซบุ๊ก คือ เรื่องราวลึกลับของหญิงสาวชาวโปรตุเกสคนหนึ่ง ที่มีข้อความเกี่ยวกับเธอว่า

"สวัสดี ฉันคือ Teresa Fidalgo วันนี้ฉันตายครบ 26 ปี, ถ้าคุณไม่ส่งมันต่อไป 20 คน ฉันจะไปนอนข้างคุณ คืนนี้และตลอดไป! ถ้าคุณไม่เชื่อมันหาชื่อฉันในกูเกิ้ลแล้วคุณจะเห็น 'big man ting' "

ซึ่งเรื่องราวของหญิงสาวชาวโปรตุเกสที่กำลังถูกกล่าวถึงอยู่นั้น เธอชื่อ Teresa Fidalgo (เทเรซา ฟิเดลโก) เป็นหญิงสาวที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในบริเวณข้างทางที่ถนนสายหนึ่ง โดยได้มีคลิปลึกลับที่อ้างว่าเป็นคลิปของหญิงสาว Teresa Fidalgo เมื่อ 26 ปีก่อน ซึ่งในคลิปนั้นเป็นเรื่องราวของ วัยรุ่นชาวโปรตุเกส 3 คน ได้ขับรถในเวลากลางคืน กลางถนนเส้นหนึ่ง และในระหว่างทางนั้นได้พบหญิงสาวใส่ชุดสีขาวกำลังเดินอยู่ข้างทาง จากนั้นพอหญิงสาวเห็นรถคันดังกล่าว จึงโบกมือขอขึ้นรถด้วย และพวกเขาก็ได้จอดรับพร้อมมีบทสนทนาสั้น ๆ แต่ชวนให้ขนหัวลุกมาก ๆ 




ตากล้อง : คุณมาทำอะไรในเวลาดึกดื่นขนาดนี้ คุณชื่ออะไร?
Teresa Fidalgo : Teresa

ตากล้อง : มีอะไรเกิดขึ้นข้างหลังนั่นรึเปล่า?
ผู้โดยสารที่อยู่ในรถ : คุณเป็นอะไรรึเปล่า จะดื่มอะไรหน่อยไหม?
Teresa Fidalgo : ฉันกำลังพยายามทำความเข้าใจ ว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น

ตากล้อง : เธอบอกสิว่าเกิดอะไรขึ้น
Teresa Fidalgo : (เธอชี้ไปข้างหน้า) คุณเห็นตรงนั้นไหม?

ตากล้อง : เห็น ๆ
Teresa Fidalgo : ตรงนั้นน่ะ ฉันประสบอุบัติเหตุ แล้วตาย ! (จากนั้นเธอก็หันมาพร้อมหน้าเละ ๆ )

และหลังจากนั้นรถคันดังกล่าวก็ประสบอุบัติเหตุในทันที โดยมีคนเล่าต่อ ๆ กันมาว่า คนขับและผู้โดยสารที่นั่งข้างหน้าเสียชีวิต ส่วนตากล้องก็ไม่ปริปากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้สักคำ

ฟากฝั่งคนที่ไม่เชื่อในเรื่องราวดังกล่าว ก็ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับคลิปและบทสนทนาภายในคลิปว่า เมื่อ 26 ปีก่อน ได้ผลิตกล้องวิดิโอที่บันทึกภาพได้ชัดขนาดนั้นเชียวหรือ, แล้วทำไมเรื่องราวของชาวโปรตุเกส ถึงได้กลายมาเป็นจดหมายลูกโซ่ที่มาโผล่ในเมืองไทย หรือว่า ทำไมต้องส่งข้อความดังกล่าวถึง 20 ฉบับ

อย่างไรก็ตามข้อความดังกล่าวก็ยังแพร่กระจายเป็นอย่างมาก และแน่นอนต้องมีคนบางกลุ่มที่เชื่อ และทำการส่งข้อความดังกล่าวต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันรู้จบ ....

เอ้า... เรื่องนี้ก็แล้วแต่วิจารณญาณของเพื่อน ๆ ก็แล้วกันนะคะ ว่าจะเชื่อข้อความในจดหมายหรือเปล่า
Dim ligh

 

วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ยูนิคอร์นแห่งท้องทะเล

หลายๆคนก็คนเคยได้ยินตำนานของยูนิคอร์น  ม้าที่มีเขาเป็นเกลียว  ตัวสีขาวบริสุทธิ์  วิ่งได้เร็ว  หาตัวจับยาก  และที่สำคัญ คือ จะยอมเข้าใกล้เฉพาะหญิงสาวพรหมจรรย์ (รวมทั้งแม่มดด้วย ใช่ป่ะ ?)  ซึ่งยูนิคอร์นแห่งท้องทะเล หรือ นาร์วาฬ  ก็มีเขาเป็นเกลียวจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าจะยอมเข้าใกล้แต่สาวพรหมจรรย์ด้วยหรือเปล่านะ
             ปลานาร์วาฬ(Narwhal) ได้ชื่อว่าเป็นยูนิคอร์นแห่งท้องทะเล มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Monodon monoceros (Linnaeus,1756) ชื่อของนาร์วาฬ มาจาก ภาษา Old Norse(ภาษานอร์เวโบราณ) มีความหมายว่า วาฬที่มีลักษณะคล้ายซากศพ เพราะมันชอบว่ายน้ำโดยหันทางด้านท้องมันขึ้นด้านบน และการที่มันมีสีผิวที่ซีด  นาร์วาฬเป็นสัตว์ตระกูล เดียวกับโลมาหัวขวด วาฬเบลูก้า และวาฬออร์ก้า มันมีวิถีชีวิตที่คล้ายโลมาชนิดอื่นๆโดยจะว่ายรวมตัวกันเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละ 15-20 ตัว แต่ก็มีบางครั้งที่ว่ายรวมกันเป็นฝูงใหญ่จำนวนมากถึงร้อยถึงพันตัว นาร์วาฬมีการเปล่งเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของมันซึ่งก็มีทั้งเสียงคลิ๊ก(แอ มพลิจูด19 kHz -48 kHz ที่ 3-150 ครั้งต่อวินาที)และเสียงคล้ายผิวปาก(ที่แอมพลิจูด 300 Hz-18 kHz) มีความสามารถในการดำน้ำได้ลึกถึง 3300 ฟุต นานถึง 20 วินาที ดำรงชีพด้วยการกินปลา กุ้ง ปลาหมึกเป็นอาหาร 







งา (ที่เหมือนจะเป็นเขาของยูนิคอร์น) แต่ยื่นออกจากปากของนาร์วาฬนี้ ยาวประมาณ เมตร ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า งาอันยาวยืดนี้เป็นความภาคภูมิใจของนาร์วาฬเพศผู้ที่ใช้ดึงดูดความสนใจ ระหว่างการจับคู่

   
      
เขา หรือ งา ที่เอาไว้อวดสาวๆ

 ดูเขาแบบซูมๆ แล้วเหมือนของยูนิคอร์นเลย

ประชันกันระหว่าง นาร์วาฬ กับ ยูนิคอร์น


ภาพจากวิดิโอที่บีบีซีบันทึกระหว่างการอพยพของนาร์วาฬ จากมุมสูง


    นาร์วาฬพบมากบริเวณขั้วโลกเหนือ มักจะอพยพผ่านทางรอยนํ้าแข็งแยกดังภาพข้างบน  ถึงมันยังไม่เป็นสัตว์ใกล้ศูนย์พันธุ์แต่ก็ถูกล่าเป็นจำนวนมาก เพราะเขาของมันนั่นเอง
     เห็นอย่างนี้แล้วก็แอบเชียร์ในใจว่ายูนิคอร์นจริงๆอาจจะมีก็ได้  ขนาดปลาวาฬยังมีเขาเลย ม้าก็อาจจะมีก็ได้นะ

มาดูนิสัยของสุนัขแต่ละพันธุ์กันเถอะ ตอนที่ 2


ลาบาดอร์ รีทรีฟเวอร์
มีนิสัยตอบสนองเร็ว เป็นมิตร สงบ เรียบร้อย ซื่อสัตย์ ฉลาด รักเจ้าของ นิยมนำมาฝึกให้นำคนตาบอด และทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพ โครงสร้างบึกบึน น่าเกรงขาม

เซนต์ เบอร์นาร์ด
เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ มีกำลังมาก  มีนิสัยชอบช่วยเหลือ สุภาพอ่อนโยน ผิดกับรูปร่างที่น่าเกรงขาม

ปอมเมอเรเนียน
มีขนหนาหลายชั้น ร่าเริง ฉลาดขี้อ่อน อยากรู้อยากเห็น แววตาแสดงถึงความฉลาดอย่างชัดเจน

อัลเซเชี่ยน
เป็นสุนัขที่ฉลาด เป็นมิตร การฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งตั้งแต่เล็กจะช่วยดึงความสามารถพิเศษของเค้าออกมา

ดัชชุน
ลำตัวยาว ขาสั้น (รู้สึกว่าหิ่งห้อยก็มีเชื้อดัชชุนอยู่นิดหนึ่งนะ) แบ่งย่อยได้หลายสายพันธุ์  ขนเรียบ ขนยาว ขนหยิก ร่าเริง ฉลาด ดมกลิ่นดีเยี่ยม ความอดทนสูง สามารถเฝ้ายามได้ดี เป็นสัตว์ที่ตื่นตัวเสมอ และเห่าเสียงดัง
บลูด็อก
เป็นสุนัขที่มีกำลังมากและตัวใหญ่ เป็นสุนัขที่มีเสน่ห์ เชื่อง ฉลาด อดทน  มีขนสั้นตรง นุ่ม มีสีน้ำตาล-ขาว  น้ำตาล-แดง  หรือหลายสีปนกัน เช่นน้ำตาลมีปื้นขาว

เชา เชา
มีต้นกำเนิดที่ประเทศจีน เป็นพันธุ์ขนหยาบ มีขนหนาหลายชั้นและฟูตรง นิสัยร่าเริง รักอิสระ กล้าหาญ ฉลาด รักเจ้าของ นิยมใช้เฝ้าบ้าน เป็นสุนัขพันธุ์เดียวที่มีลิ้นดำ

ร็อตไวเลอร์
มีสีดำตลอดตัว อาจมีสีน้ำตาลปนเข้มบ้างเล็กน้อย มีโครงสร้างแข็งแรงมาก เป็นสุนัขที่ฉลาด ฝึกง่าย และรักที่จะทำงาน มีนิสัยมุ่งมั่นหวงแหนเขตแดนอย่างมาก จึงมักมีอารมณ์ดุร้ายได้หากโดนแกล้งหรือแหย่ให้โมโห แต่ถ้าเลี้ยงแบบให้ความรักเค้าและอ่อนโยนต่อเค้า คุณก็จะได้อารมณ์เยี่ยงนั้นกลับมาเป็นทวีคูณ

บอสตัน เทอร์เรีย
ถือกำเนิดในสหรัฐอเมริกา นิสัยกล้าหาญ ร่าเริง และฉลาด เหมาพเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนในบ้าน ไม่ค่อยอยู่นิ่ง

ยอร์คเชีย เทอร์เรีย
มีขนยาวเป็นมัน เรียบตรงและนิ่มสลวยเหมือนเส้นไหม เป็นสุนัขเลี้ยงง่าย นอกจากเรื่องขนที่ต้องดูแลแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นให้จุกจิกกวนใจ เป็นสุนัขฉลาด กล้าหาญเกินขนาดตัวที่เล็กจิ๋ว ชอบทำตัวเป็นผู้นำจ่าฝูง มีจริตกิริยาที่น่ารัก

พุดเดิ้ล
เป็นสุนัขที่นิยมเลี้งในบ้านเรา ทั้งพุดเดิ้ลทอย และ ทีคัพ นิสัยคล้ายกันทั้ง 2 พันธุ์  คือขี้อ้อน เรียกร้องความรักสุดๆ และมีความรักให้เจ้าของเหลือเฟือ  มีขนหยิกหนา คนเลี้ยงจะสนุกกับการทำ grooming สีทีนิยมมีทั้งขาว น้ำตาลและดำ

มอลทิส
เป็นสุนัขตระกูลทอย เหมาะสำหรับคนที่ชอบสุนัขแบบคุณหนู เพราะตัวเล็ก อ้วนกลม ขาวสะอาดแต่ไม่บอบบาง ตรงข้ามกลับเป็นสุนัขเลี้ยงง่าย มีขนละเอียดอ่อนเหมือนสำลีผสมไหม หน้าหวาน ตาโต เลี้ยงเป็นเพื่อนได้ดี แต่เฝ้าบ้านไม่ได้เพราะแทบไม่เห่าและไม่ระแวงใครเลย