วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

รวมไอศกรีมรสแปลกๆของญี่ปุ่น คุณกล้ากินไหม??




Inquiry 1
 รสเกลือทะเล


Inquiry 2
รสผักรวม มีผักเป็นชิ้นๆผสมในเนื้อไอศกรีม เดาว่ารสชาติคงคล้ายๆ น้ำผัก

Inquiry 3
รสพริก



Inquiry 4
รสกระเทียม


 
Inquiry 5
รสน้ำพุร้อน 

 
Inquiry 6
รสแกงกะหรี่อินเดีย เผ็ดร้อนถึงใจ !!!

 
Inquiry 7
รสไข่มุก ฟังดูน่าอร่อย แต่เค้าว่ากันว่ารสชาติคล้ายๆกับหอยนางรม
ถ้าใครโชคดีอาจเจอไข่มุกเเท้ในไอศกรีมด้วยนะ



Inquiry 8
รสมิโซะราเมน มีลูกชิ้นแถมด้วย



Inquiry 9
รสสาหร่ายย่างเตาถ่าน


Inquiry 10
รสถ่าน  สีออกดำๆ หน่อย



Inquiry 11
รสกุ้ง มีเนื้อกุ้งผสมอยู่ในไอศกรีมด้วย



Inquiry 12
รสปลาไหล ฟังชื่อไม่ค่อยจะน่ากิน แต่ว่ากันว่าเนื้อเนียนนุ่ม....มาก
คนญี่ปุ่นชอบกินปลาไหลมาก แต่นึกไม่ถึงว่าจะเอามาทำเป็นไอศกรีมด้วย


   
Inquiry 13
รสหมึกดำ (น้ำหมึกของปลาหมึกน่ะ)


 
Inquiry 14
รสไก่ย่าง


  Inquiry 15รสเนื้อแพะ


 
Inquiry 16
รสเนื้อม้าดิบ!!


 
Inquiry 17
รสงูพิษ เห็นว่าใช้เนื้อของงูพิษมาทำ ไม่ใช่พิษงูนะ กินแล้วรับรองว่าไม่ตาย 


เห็นไอศครีมทั้ง 17 รส แล้วตัดสินใจได้หรือยังคะ ว่าจะทานรสไหนดี รับรองความอร่อย ทุกรสเลยค่ะ

คีย์บอร์ดชาวร๊อค





วิธีทำ นำคีย์บอร์ดของท่านไปฟาดๆๆๆแบบชาวร๊อคให้มันแตกระเอียดยิบๆๆ
แล้วท่านก้จะค้นพบแผ่นพลาสติกบางๆ ให้นำตัวอักษรมาแปะๆๆ ท่านก้จะได้คีย์บอร์ดแบบชาวร๊อคแล้ว
ประโยชน์ เสียเวลาในการนั่งจิ้มอีก 10 เท่า
*** หมายเหตุ ไม่ควรลอกเลียนแบบอย่างยิ่ง

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

กิ้งกือ มังกรสีชมพู


กิ้งกือมังกรชมพู



ภาพ A และ B เป็นกิ้งกือมังกรสีชมพูเพศผู้ที่มีลักษณะแตกต่างกัน
ภาพ C กิ้งกือมังกรสีชมพูขณะกำลังผสมพันธุ์ โดยเพศผู้อยู่ข้างบน

           ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.) ศ.ดร. วิสุทธิ์ ใบไม้ ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบายการจัดการทรัพยากรชีวภาพในประเทศไทย หรือ บีอาร์ที ร่วมกับ ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญหา อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ศ.ดร.สุพจน์ หารหนองบัว คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ และผศ.ดร.กำธร ธีรคุปต์ หัวหน้าภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมแถลงข่าว "กิ้งกือมังกรชมพูกับการค้นพบครั้งแรกของโลก" จัดโดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) และบีอาร์ที

           ศ.ดร.วิสุทธิ์ กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้ว ศ.ดร.สมศักดิ์และคณะ จากหน่วยปฎิบัติการซิสเทมาติคส์ของสัตว์ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ได้ค้นพบกิ้งกือมังกร (dragon millipede) ชนิดใหม่ของโลก มีชื่อว่า "มังกรชมพู หรือ Shocking Pink Millipede" มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Desmoxytes purpurosea สร้างความตื่นเต้นให้กับนักชีววิทยา ที่ศึกษาด้านสัตว์เลื้อยคลานทั่วโลก โดยล่าสุด การค้นพบกิ้งกือมังกรสีชมพูดังกล่าว ได้รับยกย่องจาก สถาบัน IISE (International Institute for Species Exploration) ของมหาวิทยาลัยอาริสโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าถือเป็นสุดยอดแห่งการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ของโลก ในลำดับที่ 3 ของโลกจากการประกาศผลรางวัลสุดยอดสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ของโลก ของสถาบัน IISE เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา  
           "นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยอีกประการหนึ่ง ที่เราได้รับยกย่องจากการค้นพบ กิ้งกือมังกรชมพูในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทยที่ยังสมบูรณ์อยู่มากโดยจุดเด่นของกิ้งกือมังกรสีชมพูนี้มีความแตกต่างจากกิ้งกือชนิดอื่นๆ โดยมีสีชมพูสด มีลักษณะโครงสร้างหน้าตา มีปุ่มหนาม และขนรอบตัวคล้ายมังกรในเทพนิยาย  ที่สำคัญยังมีระบบป้องกันตัว โดยจะขับสารพิษประเภทไซยาไนด์ออกมาป้องกันศัตรู แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ เพราะปริมาณสารพิษที่ออกมาน้อยมาก นอกจากนี้ ยังพบว่ามีพฤติกรรมที่ชอบออกหากินตอนกลางวัน  ทำให้มันต้องปรับตัวให้มีสีสันสนใสแบบ Shocking Pink อีกด้วย" ศ.ดร.วิสุทธิ์ กล่าว 

สิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ของโลก


สำหรับสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ของโลกอันดับอื่นๆ ประกอบด้วย

          1. ปลากระเบนไฟฟ้า จากแอฟริกา  
ปลากระเบนไฟฟ้า จากแอฟริกา

          2. ฟอสซิลไดโนเสาร์พันธุ์ปากเป็ด อายุ 75 ปีจากออสเตรเลีย  
ฟอสซิลไดโนเสาร์พันธุ์ปากเป็ด

          3. กิ้งกือมังกรชมพู จากไทย 
 กิ้งกือมังกรชมพู

          4. กบ จากศรีลังกา   
กบ จากศรีลังกา

          5. งูพิษไทปัน จากออสเตรเลีย ซึ่งมีพิษมากที่สุดในโลก  
งูพิษไทปัน

          6. ค้างคาวผลไม้ จากประเทศฟิลิปปินส์  
ค้างคาวผลไม้ ฟิลิปปินส์

          7. เห็ดพันธุ์ใหม่ จากประเทศอังกฤษ 
 เห็ดพันธุ์ใหม่

          8. แมงกระพรุนถัง จากออสเตรเลีย มีพิษรุนแรงสามารถคร่าชีวิตได้  
แมงกระพรุนถัง

          9. ตัวด้วงแรด จากเปรู  
 ตัวด้วงแรด

          10. ต้นไม้พันธุ์ใหม่ จากออสเตรเลีย 
 ต้นไม้พันธุ์ใหม่



ข้อมูลและภาพประกอบจาก
 

มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่ ?

มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่ คือ หนามแดง เป็นผลไม้สมุนไพร ช่วยซ่อมร่างกาย สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคปอด หัวใจ มะเร็ง ถุงลมโป่งพอง เบาหวาน ไต เก๊าท์ ไทรอยด์ ช่วยขยายหลอดเลือด   

ผลไม้สมุนไพร มะม่วงหาว มะนาวโห่ ช่วยรักษาโรค

             เป็นผลไม้สมุนไพร ช่วยซ่อมร่างกาย  รับประทานสด ๆ วันละ 5-7 ลูก   สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคปอด   หัวใจ  มะเร็ง  ถุงลมโป่งพอง  เบาหวาน  ไต  เก๊าท์  ไทรอยด์   ช่วยขยายหลอดเลือด  เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง  มีหลายท่านว่ากันว่าอาการ
ป่วยโรคดังกล่าว จะดีขึ้นเรื่อย ๆ และสุขภาพดีขึ้นมาก ๆ 
 


มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่ คือ หนามแดง
               ย้อนอดีตไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ละครแนวจักรๆ วงศ์ๆ เรื่อง ‘นางสิบสอง’ และ ‘พระรถ-เมรี’ ที่ฉายให้ดูกันทางโทรทัศน์บ้านเรา นับเป็นละครยอดฮิตของผู้ชมทุกวัยตั้งแต่ลูกเด็กเล็กแดงจนถึงปู่ย่าตายาย
                ละครเรื่องนี้สร้างจากตำนานพื้นบ้านเก่าแก่ ที่ดัดแปลงมาจากเรื่อง ‘รถเสนชาดก’ ซึ่งเป็นชาดก 1 ใน 50 เรื่องของปัญญาสชาดก หรือชาดกนอกนิบาต ที่แต่งเลียนแบบอรรถกถาชาดก เพื่อสอนศาสนา และเป็นชาดกเรื่องที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีผู้นำไปเป็นต้นเค้าในการแต่งวรรณกรรมต่างๆ อีกมากมาย

  ** ขณะที่ “หนามแดง” มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Carissa carandas Linn. อยู่ในวงศ์ Apocynaceae มีชื่อเรียกอื่นๆ 
เป็นไม้พุ่มยืนต้น สูงราว 2-5 เมตร ตามลำต้นและกิ่งก้านมียางสีขาว และมีหนามแหลมยาว ใบเป็นใบเดี่ยว รูปไข่กลับ เรียงตรงข้าม ขอบใบเรียบ ผิวใบมัน เนื้อใบ เรียบ ดอกเล็กสีขาวออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง โคนดอกมีสีชมพูหรือแดงอ่อน และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกดอกตลอดปี ส่วนผลเป็นผลเดี่ยวออกรวมกันเป็นช่อ ผลอ่อนจะมีสีชมพูอ่อนๆ และค่อยๆ เข้มขึ้นเป็นสีแดง กระทั่งสุกจึงกลายเป็นสีดำ
                   สรรพคุณทางยาสมุนไพรของหนามแดงมีไม่น้อย อาทิเช่น ราก ใช้บำรุงธาตุ ขับพยาธิ รักษาบาดแผล และแก้คัน, ใบ ใช้แก้ท้องร่วง เจ็บคอ แก้ปวดหู, ผลมีรสเปรี้ยว คล้ายมะนาว ใช้แก้ไอ แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้ท้องเสีย แก้เจ็บคอ และช่วยขับเสมหะ

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

'วาซาบิ'


"วาซาบิ" กล่าวกันว่าวาซาบิเป็นอาหารประจำชาติญี่ปุ่น ถ้าบนโต๊ะอาหารไทยมีน้ำปลา พริก อาหารฝรั่งมีเกลือกับพริกไทย บนโต๊ะอาหารญี่ปุ่นก็ขาดวาซาบิไม่ได้เช่นกัน คนญี่ปุ่นนิยมกินวาซาบิกับปลาดิบ ข้าวปั้นญี่ปุ่นหรือโซบะบางชนิด
วาซาบิ (wasabi) ทำมาจากอะไร?
วาซาบิ เป็นเครื่องปรุงที่ทำมาจากการบดลำต้นของพืชที่ชื่อ canola  (Japanese horseradish) ซึ่งจัดเป็นไม้ยืนต้นที่อยู่ในตระกูลเดียวกับพวกบรอกโคลีและกะหล่ำ เป็นสมุนไพรดั้งเดิมของญี่ปุ่น สามารถปลูกได้ทั้งบนดิน และพื้นน้ำ โดยปลูกบนพื้นน้ำจะให้คุณภาพที่ดีกว่า ในหลายประเทศมักจะเรียกวาซาบิกันผิดๆ ว่าฮอร์สแรดิชญี่ปุ่น ฮอร์สแรดิชสีเขียว หรือแม้แต่มัสตาร์ดญี่ปุ่นโดยนำส่วนโคนลำต้นที่มีความหนาออกมาใช้ และหลายๆ คนมักจะเข้าใจผิดว่าเป็นส่วนรากของมัน
ฝนวาซาบิด้วยแผ่นเหงือกปลาฉลาม
เวลาจะนำไปรับประทาน หรือประกอบอาหารนั้นจะต้องมีกรรมวิธีพิเศษ คือ นำวาซาบิไปฝนกับเครื่องฝนพิเศษที่ทำมาจากเหงือกปลาฉลาม (Wasabi Oroshi) ซึ่งจะมีปุ่มขนาดเล็กๆ จนทำให้ผลวาซาบิละเอียดจนมีลักษณะคล้ายครีมสีเขียว หลังจากนั้นก็นำไปผสมกับโชยุใช้เป็นน้ำจิ้มสำหรับปลาดิบ (ซะชิมิ, sashimi) หรือ ซูชิ (sushi) เพื่อให้ได้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้น
เมื่อนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร จะมาในรูปของเครื่องปรุงรสที่มีกลิ่นฉุน รับประทานเข้าไปทำให้แสบจมูกในระยะสั้น ๆ ก่อนที่รสชาดจะเปลี่ยนไปเป็นความกลมกล่อม ทั้งขมทั้งหวานผสมผสานกันไป
การปลูกวาซาบินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องลงทุนค่อนข้างสูง พืชชนิดนี้มักจะปลูกในที่โล่ง แต่จะต้องมีการจำกัดปริมาณแสงแดด ไม่ให้ส่งลงมาถูกต้นพืชโดยตรงในช่วงฤดูร้อน เมื่อไม่นานมานี้เกษตรกรชาวญี่ปุ่นถูกแย่งตลาดด้วยการสั่งนำเข้าต้นพืชที่มีกรรมวิธีการปลูกสมัยใหม่และราคาถูกกว่าจากไต้หวันและฟิลิปปินส์ แม้ว่าผลิตผลจะมีรสเผ็ดเกินกว่าที่จะนำมารับประทานเดี่ยว ๆ แต่ก็ได้รับการสั่งนำเขาจำนวนมากจากบริษัทใหญ่ ๆ ในญี่ปุ่น เพื่อที่จะนำมาผสมผสานกับเครื่องปรุงอื่น ๆ เช่น หัวไชเท้าและเครื่องเทศ ที่เรียกกันว่า เนริวาซาบิ และตลาดของเครื่องปรุงเนริวาซาบิ มีมูลค่าถึง 16 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี ในขณะที่วาซาบิแบบดังเดิมมีมูลค่าในตลาด 36 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี

IceDea: Idea in Ice Cream


“IceDea: Idea in Ice Cream” การเอาไอเดียไปใส่ในไอศกรีมเพื่อให้คนกินได้เซอร์ไพรส์และอมยิ้ม คอนเซ็ปต์ร้าน icedea ที่พริมา ice cream Designer คนแรกของเมืองไทย ที่ได้คิดค้นสร้างสรรค์งานศิลป์ใส่ในไอศกรีม จนได้รสชาติแปลกลิ้น และเป็นที่จดจำของผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะผสมความชื่นชอบการทานไอศกรีม

trendyday ไม่รอช้า พาไปทำความรู้จักกับ icedea ร้านไอศกรีมที่เกิดจากความไม่ธรรมดาในเรื่องการสร้างสรรค์รสชาติ และการผสมผสานเรื่องของกินกับงานศิลปะได้อย่างเข้ากัน พร้อมสัมผัสรสชาติและรูปร่างแปลกตาที่หลายคนไม่เชื่อว่าเป็นไอศกรีมจริงหรือนี่…
ความน่าสนใจของ icedea มากจากความคิดสร้างสรรค์และใจรักไอศกรีมสุดสุดของพริมา จักรพันธุ์ ณ อยุธยา นักออกแบบไอศกรีมอาชีพคนแรกของ เมืองไทย เจ้าของร้าน icedea จนกลายเป็นไอศกรีมที่ไม่ธรรมดา
ลักษณะเด่นของไอศกรีมของ icedea
คือ เน้นทานคำเดียวแล้วได้รสชาติทั้งหมดของอาหารออริจินอล โดยไม่ต้องใส่เครื่องหรือท็อปปิ้ง อย่างไอศกรีมรสแบล็ค ฟอเรสต์เค้ก ก็จะผสมทั้งเชอรี่ ช็อกโกแลต เนื้อเค้ก ลงไปปั่นกับเนื้อ ไอศกรีมเลย หรือรสเต้าฮวยน้ำขิงก็จะได้รสชาตินี้ในคำเดียว แต่หากจะอยากใส่ถั่วแดงเพิ่มก็ไม่ว่ากันนะคะ
ลูกเล่นและลักษณะเด่นของไอศกรีม ถือว่าเป็นจุดเด่นของร้าน icedea ที่ชวนคนรักไอศกรีมมาเคลิ้ม
กับรสชาติเช่น ไอศกรีมซูชิ  กรรมวิธีการผลิตเปลี่ยนจากตัวข้าวปั้นด้านในเป็นไอศกรีมนมสด ไอศกรีมรสข้าว ส่วนปลาแซลมอน และหน้าต่างๆของข้าวปั้น ถูกแทนที่ด้วย มะละกอฝาน หรือสัปปะรดแทนไข่หวาน ส่วนสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับซูชิ ก็คือ วาซาบิ ถูกกลายร่างเป็นไอศกรีมรมวาซาบิ แต่นอกจากการดัดแปลงอาหารสัญชาติญี่ปุ่นแล้ว ต้องไม่ลืมอาหารบ้านเราอย่างแน่นอนเริ่มจากของคาวอย่าง ไอศกรีมรสต้มยำ หยิบจุดเด่นที่รสชาติเปรี้ยวของรสต้มยำ บวกส่วนผสมของเครื่องต้มยำ
ไอศกรีมรสผัดกะเพราหมู รสไก่ย่าง รสข้าวผัด รสส้มตำ ที่คิดค้นและพัฒนาของคาวให้ได้รสชาติเป็นไอศกรีมอย่างละมุนลิ้น หลังจากของคาว ต้องมาต่อกันด้วยของหวาน เป็นขนมไทยสุดคลาสิก ไอศกรีมห่อใบตองหน้าตาและรสชาติสัมผัสแรกเหมือนทานข้าวต้มมัดยังไงอย่างนั้น ไอศกรีมผสมเนื้อฝอยทองให้รสชาติคล้ายขนมเบื้อง ไอศกรีมรสขนมสอดไส้ที่ให้รสและกลิ่นมะพร้าวทั้งหอมและหวาน ฝอยทองสีเขียวคล้ายกับสนามหญ้าถูกประดับบนบราวนี่ กลายเป็นสนามหญ้าอย่างน่ารัก
มากกว่านั้น icedea ยังมีแนวคิดนอกกรอบที่ว่า Color Blind ไอศกรีมหลายสี ที่เล่นกับการรับรู้เรื่องสีของคน โดยมีแนวคิดว่าถ้าเปลี่ยนสีชมพูจากรสสตรอเบอรี่ แต่เมื่อทานแล้วเป็นรสช็อคโกแลต หรือ สีเขียวอาจไม่ใช่รสมะนาว แต่เป็นรสช็อกโกแลตดูละ คงสนุกใช่เล่น
icedea ร้านไอศกรีมเป็นมากกว่าร้านไอศกรีม 
พื้นฐานมากจากความรักการออกแบบ icedea จึงถูกขยับขยายไม่เพียงออกแบบไอศกรีมเข้าร้านลูกค้ายังมีบริการออกแบบภาพรวม (corporate design) ตั้งแต่โลโก้ นามบัตร ภาชนะ ผ้ากันเปื้อน ป้ายร้าน และบรรยากาศภายในร้าน^^   trendyday รับรองว่าไอศกรีมรสชาตินี้ไม่ได้พบเจอบ่อยเหมือนอย่างที่เคยทานแน่นอน ร้าน icedea ยินดีต้อนรับคนเสพงามศิลป์ที่รักไอศกรีมเป็นชีวิตชีวาที่ชั้น 4 หอศิลป์กรุงเทพฯ ตรงแยกปทุมวัน ลงที่สถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ ก็สบายง่ายนิดเดียว ตัวร้านทำด้วยกระจก มีแนวคอนเซ็ปต์ Showroom ของไอศกรีม แล้วคุณจะพบว่า ไอศกรีม มีอะไรมากกว่าที่คุณเคยรู้จักนะคะ ~

10 อันดับ สถานที่สยองขวัญในประเทศไทย

10 อันดับ สถานที่สยองขวัญในประเทศไทย 

อันดับที่ 10 ในซอยวัชรพล

     เป็นหมู่บ้านร้างตั้งอยู่บนเนื้อที่ กว่า 100 ไร่ ชื่อหมู่บ้านปิยพร คนเก่าคนแก่ในพื้นที่เล่าว่า ที่ดินส่วนนี้เคยเป็นป่าช้ามาก่อน เจ้าของโครงการ ไม่ได้ทำพิธีบอกกล่าวขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทาง ดังนั้นพอเริ่มงานก่อสร้าง จึงพบกับอุปสรรคนานาประการ ต่อมามีคนงานเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุหลายคน ในเขตหมู่บ้านมีบึงใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง ก็มีเด็กตกไปตาย 2-3 คน ประกอบกับบ้านในโครงการ ไม่มีผู้สนใจอย่างที่ประเมินเอาไว้ จึงต้องยุติโครงการ กลายเป็นหมู่บ้านร้างกลางกรุง พร้อมกันนั้นก็มีเสียงเล่าลือว่า ผู้ที่เข้าไปในเขตหมู่บ้านยามวิกาล มักจะพบวิญญาณแสดงตัวหลอกหลอน เล่นเอาขวัญหนีดีฝ่อ ไม่บังอาจกล้ำกลายเข้าไปอีก

10 อันดับ สถานที่สยองขวัญในประเทศไทย 
อันดับที่ 9 ในซอยวัชรพล

    
เป็นบ้านทรงยุโรปหลังใหญ่ ซึ่งยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ถูกทิ้งร้างค้างคาอยู่ในสภาพเดิม เวลากลางคืนดูน่ากลัวชวนขนลุกยิ่ง และว่ากันว่ามีคนพบเห็นวิญญาณของชายหญิงและเด็ก ปรากฏวูบวาบบ่อยๆ สาเหตุที่บ้านหรูหลังใหญ่ กลายเป็นบ้านร้าง เนื่องจากเจ้าของบ้านหลังนี้ พาครอบครัวขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัด และประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตหมดทุกคน

10 อันดับ สถานที่สยองขวัญในประเทศไทย
อันดับที่ 8 โรงงานร้างอยู่ในอุตสาหกรรมบางปู (ฝั่งเดียวกับเมืองโบราณ)

     สถานที่อยู่สุดซอย 2 เมื่อก่อนนี้เป็นโรงงานทำรองเท้า ขณะที่กิจการกำลังดำเนินงานไปด้วยดี ได้เกิดอุบัติเหตุร้างแรง คือเครื่องปั้มลมเกิดระเบิดคนงานหลายคนเสียชีวิตสยอง นับตั้งแต่นั้นคนงานที่ทำงานอยู่ ถูกผีหลอกวิญญาณหลอน จนต้องทะยอยลาออกไปเรื่อยๆจนหมด กิจการประสบความวินาศ เจ้าของโรงงาน ยิงตัวตายในห้องทำงานชั้นบนของโรงงาน และกลายเป็นสถานที่รกร้างเรื่อยมา เล่าลือกันว่าผีดุมาก ปัจจุบันนี้ยังมีเศษรองเท้ากระจายเกลื่อนและปั้มลมมรณะก็ยังอยู่

10 อันดับ สถานที่สยองขวัญในประเทศไทย
อันดับที่ 7 วัดปราสาท จ.นนทบุรี

     วัดปราสาท จ.นนทบุรี เป็นวัดเก่าแก่โบราณ สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนกลาง เคยขุดพบกำแพงเมืองรอบอุโบสถอายุ 300 ปี ด้านหลังอุโบสถ มีคุ้มเก่าแก่ชำรุดทรุดโทรมว่ากันว่าเจ้าของสถานที่คือ พระนางอุษาวดีเทวี ชาวบ้านระแวกนั้นเรียกว่า "แม่" และ" เจ้าแม่ " เวลากลางคืน หากไปที่บริเวณคุ้มจะมีบรรยากาศวังเวงน่ากลัวมาก ผู้ใดไปแสดงกิริยาวาจาจ้วงจาบหยาบคาย ไม่เคารพผู้เป็นเจ้าของสถานที่ มักจะพบกับเหตุการณ์แปลกๆน่าขนหัวลุก

10 อันดับ สถานที่สยองขวัญในประเทศไทย
อันดับที่ 6 ในซอยมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ถ.พัฒนาการ

     ในซอยมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ถ.พัฒนาการ เป็นโรงงานร้าง เมื่อก่อนนี้เป็นโรงงานทำปากกา และเป็นโรงกลึงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 80 ไร่ เหตุที่กลายเป็นโรงงานร้าง ชำรุดทรุดโทรม มีวัชพืชขึ้นปกคลุมรกครึ้มเช่นทุกวันนี้ ว่ากันว่าเจ้าที่เจ้าทางแรง ระหว่างที่ดำเนินงานอยู่ มีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหลายคน ผู้ลงทุนขาดทุนย่อยยับจนต้องเลิกกิจการ หากเดินเข้าไปในอาณาเขตโรงงานร้าง จะสัมผัสบรรยากาศยะเยือกผิดปกติ และเล่าลือกันว่าหากไปเคาะแท้งก์น้ำซึ่งตั้งอยู่ 3 ใบ 3 ครั้ง จะปรากฏเจ้าที่เจ้าทางออกมาให้เห็นทันที

10 อันดับ สถานที่สยองขวัญในประเทศไทย
อันดับที่ 5 รังสิตคลอง 13

     จากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร มีบ้านพักถูกไฟไหม้เกือบหมดทั้งหลัง แต่ยังเหลือซากบ้านอยู่ส่วนหนึ่ง ข้อมูลบางกระแสเล่าว่า มีผู้หญิงตายในไฟ บ้านหลังนี้อยู่ในสวนมะขามหวาน แต่ถูกทิ้งให้รกร้าง คนในระแวกใกล้เคียงต่างยืนยันกันว่าตอนกลางคืน จะได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องโหยหวน มาจากซากบ้านบ่อยๆ พร้อมกันนั้นเคยมีคนเห็นผีผู้หญิงใ นบริเวณซากบ้านด้วย

10 อันดับ สถานที่สยองขวัญในประเทศไทย
อันดับที่ 4 ในซอยรอดอนันต์ 1 ถ.สุขาภิบาล1

     เป็นบ้านร้างทรงไทยอยู่ริมบึง ห่างไกลจากบ้านอื่นๆ ในระแวกนั้นบริเวณบ้านรกครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยคุณยายเจ้าของบ้าน เสียชีวิตที่บ้านหลังนี้ และน่าเชื่อว่า วิญญาณของคุณยายไม่ยอมไปผุดไปเกิด แต่ยังคงวนเวียนอยู่ในบ้าน จนกระทั่งลูกหลานไม่กล้าอยู่ ต่างแยกย้ายไปอยู่ที่อื่นหมด ปล่อยบ้านทิ้งร้างชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา และที่บ้านหลังนี้เล่าลือกันว่าผีดุนัก คนอยู่ระแวกใกล้เคียงเคยเห็นผีคุณยายมายืนชี้นิ้วอยู่ที่หน้าบ้านเมื่อมี เด็กๆ วิ่งเล่นอยู่ในบริเวณหน้าบ้าน เคยมีคนใจกล้าเข้าไปในบ้าน ได้ยินเสียงผู้หญิงแก่ๆขู่ตะคอก จนต้องเผ่นออกมาแทบไม่ทัน

10 อันดับ สถานที่สยองขวัญในประเทศไทย
อันดับที่ 3 ในซอยสายหยุด อู่รถเมลล์เก่า

     ที่นี่เป็นสุสานรถเมลล์หรือรถโดยสาร ประจำทางที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนใช้การไม่ได้ ซากรถเมลล์แต่ละคันมีประวัติคนตายโหงคารถ ในสภาพสยดสยองมาแล้ว และเป็นที่เล่าลือกันว่า อยู่ดีๆไฟในรถกลับเปิดสว่างขึ้นมาเอง หรือมีคนมายืนโบกรถหน้าอู่ แท๊กซี่จะเข้าไปจอดรับก็หายไปบางครั้งมีคนวิ่งตัดหน้า และหายไปดื้อๆ

10 อันดับ สถานที่สยองขวัญในประเทศไทย
อันดับที่ 2 วัดมหาบุศย์ พระโขนง

     ที่วัดมหาบุศย์ ยังมีศาลย่านาคตั้งอยู่ สืบเนื่องมาจากตำนานรักของแม่นาคพระโขนง ที่รู้กันแพร่หลายเล่ากันว่า เมื่อผีแม่นาคอาลวาดหลอกหลอน จนชาวบ้านหาปกติสุขมิได้ เจ้าประคุณสมเด็จโต ( วัดระฆัง ) ได้มานำวิญญาณแม่นาคไป พร้อมกับกระดูกกระโหลกหน้าผาก แล้วอบรมสั่งสอนให้รักษาศีล ปฏิบัติธรรม นัยว่าแม่นาคเลื่อนภพเป็นเทพแล้ว หากยังมีผีวนเวียนที่วัดมหาบุศย์ คงมิใช่วิญญาณแม่นาคอย่างแน่นอน

10 อันดับ สถานที่สยองขวัญในประเทศไทย
อันดับที่ 1 ในซอยรามคำแหง 32

     ลึกเข้าไปในซอยรามคำแหง 32 ท่านจะพบบ้านทรงสเปนหลังหนึ่งรูปทรงสวยสง่าน่าอยู่ แต่บ้านนี้ไม่มีใครอยู่อาศัยนานกว่า 20 ปีแล้ว ปล่อยให้ทิ้งร้างเก่าทรุดโทรมอย่างน่าใจหาย ประวัติของบ้านมีว่าเจ้าของบ้านเป็นชาวต่างชาติ วันหนึ่งเจ้าของบ้านขับรถออกไปทำงานตามปกติ ที่บ้านมีสาวใช้อยู่เพียงคนเดียว คนร้ายไม่ทราบจำนวน ซึ่งคงมาแอบสังเกตการณ์นานพอสมควรได้ฉวยโอกาสเข้าปล้น และฆ่าสาวใช้ตายคาที่ นับตั้งแต่นั้นมักจะได้ยินเสียงผู้หญิง ร้องให้ช่วยดังโหยหวนน่าสยดสยอง และยังเห็นผู้หญิง (เข้าใจว่าเป็นสาวใช้ที่ถูกฆ่าตาย ) เดินวนเวียนวูบวาบอยู่ในบ้าน เจ้าของบ้านทนอยู่ไม่ไหวต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น เล่ากันว่าหลังจากนั้น มีคนได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วย ดังมาจากบ้านร้างบ่อยๆ และมีคนเห็นผู้หญิงลึกลับยืนอยู่หน้าบ้านเป็นประจำเมื่อเข้าไปใกล้ก็หายไป 

ที่มา : http://www.toptenthailand.com/display.php?id=8

วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สถานที่ท่องเที่ยวแปลกๆ ที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก


สถานที่ที่มีภูมิประเทศที่แปลก กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าไปสัมผัส และเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวที่ต้องการสถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่ต่างจากที่อื่นๆ

เดอะเวฟ (The Wave) ที่รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา 
1. เดอะเวฟ (The Wave) ที่รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา

     "เดอะเวฟ" คือ ภูเขาหินทรายที่ฟอร์มตัวในลักษณะคล้ายคลื่นลาดชัน เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 190 ล้านปีก่อนหรือในยุคจูรา สสิก เนื่องจากพื้นที่แถบนี้มีความเปราะบางมาก ทางการจึงจำกัดให้เข้าชมได้เพียงวันละไม่เกิน 20 คน และต้องเดินเท้าเข้าไปเกือบ 5 ก.ม. จึงจะถึงดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้


Tessellated Pavement บนเกาะแทสเมเนีย (ประเทศออสเตรเลีย) 
2. Tessellated Pavement บนเกาะแทสเมเนีย (ประเทศออสเตรเลีย)

     นี่คือภาพ ลานหินตะกอนบริเวณชายฝั่งที่ Eaglehawk Neck บน เกาะแทสมาเนีย ซึ่งถ้าหากมองเผินๆ จะแลดูคล้ายมีใครนำแผ่นกระเบื้องสี่ เหลี่ยมขนาดใหญ่มาวางเรียงรายริมทะเล (บริเวณขอบสี่เหลี่ยมที่เราเห็นเป็น แนวเส้นตรงนั้น เกิดจากแรงตึงเครียดของผิวโลก ผนวกกับการกัดเซาะอย่างต่อเนื่องของคลื่นและแรงเสียดสีของทราย) 


หินรูป ทรงประหลาด ในทะเลทรายขาว (White Desert) ประเทศ อียิปต์ 
3. หินรูป ทรงประหลาด ในทะเลทรายขาว (White Desert) ประเทศ อียิปต์

     ทะเลทราย แห่งนี้ตั้งอยู่ใน Farafra Oasis มีลักษณะเป็นสี ขาวและครีม ประกอบด้วยกลุ่มหินชอล์ครูปทรงประหลาดขนาดใหญ่มากมาย อันเป็นผลงานของพายุทรายที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว 


บ่อ น้ำพุร้อนสีเลือด (Blood Pond Hot Spring) ที่เบป ปุ ประเทศญี่ 
4. บ่อ น้ำพุร้อนสีเลือด (Blood Pond Hot Spring) ที่เบป ปุ ประเทศญี่ปุ่น

     น้ำพุร้อน สีเลือด (Chinoike Jigoku) เป็นหนึ่งในบ่อน้ำพุ ร้อนชื่อดังของเมืองเบปปุ ในจังหวัดโออิตะ บนเกาะคิวชู สาเหตุที่น้ำพุมีสีเลือดเนื่องจากมีธาตุเหล็กอยู่ในปริมาณมากนั่น เอง 


Giant's Causeway ที่ไอร์แลนด์เหนือ 
5. Giant's Causeway ที่ไอร์แลนด์เหนือ

     Giant's Causeway เป็นชายฝั่งที่เกิดจากการเย็นตัวของหินภูเขาไฟเมื่อ ประมาณ 50,000 ถึง 60,000 ปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดหินรูปหกเหลี่ยมและหินแท่งสี่เหลี่ยมกว่า 40,000 แท่ง องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียน Giant´s Causeway เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) 


ทะเล เกลือ (salt flats) ที่ Salar de Uyuni ประเทศโบลิเวีย 
6. ทะเล เกลือ (salt flats) ที่ Salar de Uyuni ประเทศโบลิเวีย

     จริงๆ แล้วที่ราบเกลือหรือทะเลเกลือลักษณะนี้มีอยู่หลายแห่ง ด้วยกัน แต่ทะเลเกลือที่ Salar de Uyuni ของประเทศ โบลิเวียนั้น มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลมากถึง 10,582 ตารางกิโลเมตร 


ป่าหิน (Stone Forest) เมืองคุนหมิง มลฑลยูนาน ประเทศจีน 
7. ป่าหิน (Stone Forest) เมืองคุนหมิง มลฑลยูนาน ประเทศจีน

     อุทยานป่าหิน ( Shilin National Park) ใน เมืองคุนหมิง จัดเป็นป่าหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่มากถึง 350 ตารางกิโลเมตร แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพียง 12 ตาราง กิโลเมตรเท่านั้น เดิมทีหินปูนเหล่านี้อยู่ใต้ผิวโลก แต่ภายหลังได้ถูกดันขึ้นมาในลักษณะเดียวกับหินงอก เชื่อกันว่าป่าหินแห่งนี้มีอายุราว 270 ล้าน ปีเลยทีเดียว 


ธารน้ำแข็ง Taylor ใน McMurdo Dry Valleys ที่แอนตา ร์คติกา (ขั้วโ 
8. ธารน้ำแข็ง Taylor ใน McMurdo Dry Valleys ที่แอนตา ร์คติกา (ขั้วโลกใต้)

     ธารน้ำแข็งอัน กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ มีพื้นที่ส่วนหนึ่งที่โดดเด่นเป็นสีแดงส้ม ตัดกับน้ำแข็งส่วนอื่นๆ ซึ่งมีสีขาวโพลน เนื่องจากพื้นที่แถบนั้นเต็มไปด้วยออกไซด์ของเหล็ก (iron oxide) ซึ่งก็คือ "สนิม" นั่นเอง ด้วยเหตุนี้บริเวณดังกล่าวจึงได้รับการขนานนามตามลักษณะทางกายภาพ ว่า "น้ำตกเลือด" (Blood Falls) 


ทะเล สาปสปอท เลค (Spotted Lake) – ประเทศแคนาดา 
9. ทะเล สาปสปอท เลค (Spotted Lake) – ประเทศแคนาดา

     “สปอท เลค” ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทะเลสาป ที่มีแร่ธาตุชนิดต่างๆ อาทิ แมกนีเซียม ซัลเฟต, แคลเซียม และโซเดียม ซัลเฟต ในปริมาณเข้มข้นมากที่สุดในโลก แต่น่าเสียดายที่ทะเลสาปแห่งนี้อยู่ในที่ดินของเอกชน นักท่องเที่ยวจึงทำได้แค่มองจากราวรั้วกั้นริมถนนเท่านั้น (ส่วนที่เป็นจุดๆ คือน้ำ นอกนั้นเป็นส่วนของแร่ธาตุนานาชนิด ที่สามารถลงไปเดินสำรวจได้) 


ทะเล ทรายแบล็ค ร็อค (Black Rock Desert) ที่รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริก 
10. ทะเล ทรายแบล็ค ร็อค (Black Rock Desert) ที่รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา

     ทะเลทราย แบล็คร็อค คือ ก้นทะเลสาปที่แห้งสนิท ครั้งหนึ่งดินแดนแถบนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของทะเลสาปในยุคก่อนประวัติ ศาสตร์ที่มีชื่อว่า "Lahontan" ซึ่งปรากฏอยู่ในสมัย 18,000-7,000 พันปีก่อนคริสตกาล ในช่วงที่ทะเลสาปโบราณแห่งนี้มีระดับน้ำสูงสุด (เมื่อประมาณ 12,700 ปีก่อน) ทะเลทรายแบล็คร็อคเคยอยู่ใต้น้ำที่มีความลึกถึง 150 เมตรเลยทีเดียว 


ถ้ำคริสตัล (Crystal Cave) ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา 
11.ถ้ำคริสตัล (Crystal Cave) ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

     ถ้ำคริสตัล เป็น 1 ใน 240 ถ้ำ (ที่ถูกค้นพบ) ภายในอุทยานแห่งชาติ Sequoia ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ถ้ำดังกล่าวเป็นถ้ำ "หินอ่อน" ธรรมชาติ ที่ภายในมีอุณหภูมิคงที่ประมาณ 9 องศาเซลเซียส ซึ่งการจะเข้าไปชมภายในถ้ำต้องอาศัยไกด์ทัวร์เป็นผู้นำทางเท่า นั้น 


ทุ่งหินรูปรังผึ้ง Bungle Bungles ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ประเทศ 
12. ทุ่งหินรูปรังผึ้ง Bungle Bungles ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย

     ทุ่งหินทรายที่มีรูปทรงคล้ายรังผึ้ง หรือ Bungle Bungles นี้ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Purnululu ที่องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) กลุ่มหินดังกล่าวประกอบด้วยหินทรายและหินกรวดมน ซึ่งเมื่อประมาณ 375-350 ล้านปีก่อนหินเหล่านี้เคย เป็นตะกอนในลุ่มน้ำ "Ord" 


ภูเขา ไฟ Redoubt ที่รัฐอลาสก้า สหรัฐอเมริกา 
13. ภูเขา ไฟ Redoubt ที่รัฐอลาสก้า สหรัฐอเมริกา

     Redoubt เป็นภูเขาไฟมีพลัง (active volcano) อายุ นับพันๆ ปี ที่ยังคงคุกรุ่นและเกิดการปะทุหรือระเบิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยครั้งล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา 


ดินแดน โบราณ คัปปาโดเกีย ประเทศตุรกี 
14. ดินแดน โบราณ คัปปาโดเกีย ประเทศตุรกี

     คัปปาโดเกีย ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดก โลก เมื่อปี ค.ศ.1985 (พ.ศ. 2528) ดินแดนดังกล่าวมีภูมิประเทศที่แปลกตาซึ่งเกิดจากจากลาวาภูเขา ไฟที่ไหลออกมาปกคลุมพื้นที่ เมื่อวันเวลาผ่านไป พายุ ลม ฝน ได้เป็นตัวแปรที่ก่อให้เกิดการแปรสภาพเป็นหุบเขา ร่องลึก เนินเขา กรวยหิน และเสารูปทรงต่างๆ ที่งดงาม บางส่วนมีประชาชนอาศัยอยู่ภายใน 


ทะเล (สาป) เดือด Boiling Lake ประเทศ โดมินิกา (Commonwealth of D 
15. ทะเล (สาป) เดือด Boiling Lake ประเทศ โดมินิกา (Commonwealth of Dominica)

     “Boiling Lake” เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (รองจากทะเลสาป Frying Pan Lake ของประเทศ นิวซีแลนด์) มีความกว้างราว 60 เมตร ลึก 59 เมตร อุณหภูมิริมทะเลสาปอยู่ที่ประมาณ 82 – 91.5 องศาเซลเซียส ระดับน้ำภายในทะเลสาปแห่งนี้มีลักษณะขึ้น-ลง ตลอดเวลา โดยเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) น้ำใน ทะเลสาปแห่งนี้ได้แห้งเหือดหายไป และเพิ่งกลับมาอยู่ในระดับปกติอีก ครั้งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา 


แม่น้ำสีแดง (Rio Tinto) ที่ประเทศสเปน 
16. แม่น้ำสีแดง (Rio Tinto) ที่ประเทศสเปน

     บริเวณพื้นที่ตามแนวชายฝั่งแม่น้ำ Río Tinto มีการทำ เหมืองทองแดง เงิน ทอง และแร่ธาตุอื่นๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณ (ราว 5 พันปีก่อน) ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำดัง กล่าวมีค่าความเป็นกรดสูงมาก ส่วนสาเหตุที่น้ำมีสีแดงก็เนื่องมาจากก้อนหินที่อยู่ในแม่น้ำแห่ง นี้ประกอบด้วยธาตุเหล็กในปริมาณเข้มข้นนั่นเอง เหมืองในแถบนี้ถูกปิดมานานนับ 10 ปี แต่เนื่องจากทองแดงมีราคาสูงขึ้น เจ้าของเหมืองจึงมีแผนเปิดเหมืองทอง แดงอีกครั้งในปีหน้า 


หุบเขาโลกพระ จันทร์ (Vale de Lua) ที่ประเทศบราซิล 
17. หุบเขาโลกพระ จันทร์ (Vale de Lua) ที่ประเทศบราซิล

     หุบเขาโลกพระจันทร์ หรือ "the valley of the moon" เป็นที่ราบสูงโบราณที่มีอายุเก่าแก่ก ว่า 1.8 พันล้านปี โดยพื้นที่ว่างระหว่างก้อนหินจะ มีน้ำจากแม่น้ำ San Miguel แทรกอยู่ภายใน ดินแดนประหลาดแถบนี้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Chapada dos Veadeiros ซึ่งองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดก โลกเมื่อปี ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) ที่ผ่านมา 


ที่มา : http://www.fwdder.com/topic/248665