วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

แฟชั่นรับปี 2010 สวยทันสมัยสไตล์เรียบง่าย


เสื้อผ้าแฟชั่น
 
เมื่อปีเก่าผ่านพ้นไป ปีใหม่เข้ามาแทน สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นที่สนใจของผู้คนนอกเหนือจากเรื่องการตรวจดูดวงชะตาราศี คงหนีไม่พ้นเรื่องของ "แฟชั่น" เครื่องแต่งกายว่าปีนี้จะออกมาในแนวใด รูปแบบใด จะได้เลือกซื้อ เลือกใส่กันได้ถูก!!
 
หาก ต้องการทราบกระแสแฟชั่นว่าตอนนี้เทรนด์ไปในทิศทางใดแล้ว คงต้องไปเดินแถวสยามเซ็นเตอร์ เพราะเป็นศูนย์รวมแห่งแฟชั่นใจกลางกรุงเทพฯ ที่เหล่าดีไซเนอร์ชั้นนำของเมืองไทย พร้อมใจกันแสดงฝีมือด้วยการออกแบบเสื้อผ้าผ่านแบรนด์ดังทั้งหลาย อีกทั้งเป็นสถานที่ที่บรรดา หนุ่ม ๆ สาว ๆ ต่างแต่งกายกันมาอวดความสวย ความหล่อ ให้ได้พบเห็นกันอยู่ตลอด

ปี ค.ศ. 2010 แนวทางในการแต่งตัวจะเป็นอย่างไร จิตต์สิงห์ สมบุญ ดีไซเนอร์ จากเพลย์ฮาวนด์ ช่วย ไขความกระจ่างในเรื่องนี้ให้ฟังว่า ต้องเริ่มต้นจากการมองไปที่การดำเนินชีวิตในแต่ละวันของผู้คนรวมทั้งสภาพ เศรษฐกิจ สังคมโดยรวมของโลก ที่มักจะมีผลกระทบกับคน กับสภาพจิตใจ ซึ่งจะส่งผลถึงการแต่งตัวด้วย ว่าอยากซื้อเสื้อผ้าหรือไม่ จะใช้จ่ายอย่างไรดี
 
"สำหรับปีนี้รู้สึกว่าผู้คนอยากได้เสื้อผ้าที่สบาย ๆ เบา ๆ เห็นได้ชัดเจนจากเสื้อผ้าในหลาย ๆ ยี่ห้อที่หันมานำเสนอ เสื้อผ้าผู้ชายในลักษณะที่เบาขึ้น ทั้งโทนสีและเนื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นกางเกงและตัวเสื้อ โดยมีความบางเพิ่มเข้ามา โดยผ้าจะบางแบบชนิดที่ไม่นึกว่าดีไซเนอร์จะทำออกมา ซึ่งเป็นการยืมอารมณ์ของผู้หญิงมาใช้ ในส่วนของลายจะเป็นสีน้ำง่าย ๆ เป็นรูปหน้าคน และทรงเรขาคณิต กางเกง จะใช้ผ้าที่มีน้ำหนักเบาแบบหลวม ๆ ซึ่งจะมี 2 ลักษณะ แบบแรกขากางเกงจะลงมากองอยู่ที่ ขา และแบบขาลอย สไตล์ สตรีทแวร์ คือ พับให้กางเกงขาลอย เต่อ ๆ ไม่ใส่ถุงเท้า ซึ่งตอนนี้เมืองไทยก็เริ่มมี การแต่งแบบนี้กันบ้างแล้ว ด้านโทนสี จะเป็นโทนสีที่เบาลง ใช้สีเบจมากขึ้น อย่าง สีเทา เขียว ฟ้า"
           
ส่วน เสื้อผ้าของผู้หญิงจะมีความเป็นผู้ชายเข้ามาในการแต่งตัวมากขึ้น อย่างแจ๊กเกตไหล่ตั้ง ตั้งจนถึงขนาดเชิดขึ้นก็มี ในขณะที่กางเกงจะเป็นสแลกหลวม ๆ มีจีบมาก ๆ เน้นที่ตะโพกพอง ๆ ป่อง ๆ แต่เอวจะเล็ก เป็นการยืมการแต่งกายของผู้ชายมาใช้ แต่ใส่ความรู้สึกแบบผู้หญิง ในส่วนของเนื้อผ้ากับทรงที่เหมาะกับผู้หญิงเข้าไป ในส่วนกระโปรงของผู้หญิง จะเป็นกระโปรงยาว รวมทั้งผ้ายีนก็เริ่มมาแรงเช่นกัน มีการนำมาทำเป็นสูท แจ๊คเกต เดรส และกระโปรง โดยจะเป็นยีนสีซีดอย่างสีฟ้าอ่อน
 

 
เสื้อผ้าแฟชั่น
 
ด้านโทนสี จะเป็นสีพาสเทล ในโทนเทา ดำ ไม่ใช่ว่าในช่วงเฉพาะฤดูหนาว แต่ในฤดูอื่น ๆ ก็นิยมใส่ด้วยเช่นกัน แต่อาจจะแตกต่างกันในส่วนของสีว่าเป็นพาสเทลอะไร อาจจะเป็นฟ้า เขียวเบจ ม่วง รวมไปถึงชมพู และสีกากี โดยจะเป็นสีจาง ๆ แต่ยังไม่ทิ้งลายเสื้อเพราะในการตัดเย็บยังมีความชัดในส่วนเนื้อผ้าอยู่   จิตต์สิงห์ ให้แง่คิดในการแต่งกายว่า คอลเลกชั่นในปีนี้ถือว่าเหมาะกับบ้านเรา เพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ทั้งในส่วนของสีและความบางเบาของเนื้อผ้า ถึงแม้แฟชั่นจะทำให้คนดูดี น่ามอง แต่อย่าลืมว่าถ้ามีการใส่แบบนี้ในทุก ๆ คน ในทุก ๆ สถานที่ จะเป็นอะไรที่ดูกลืนไปหมด จึงต้องกลับมาดูตัวเองในสิ่งที่เราชอบ ในสิ่งที่เราอยากใส่ เพราะบางทีคนเรามักจะคิดไปเองว่าไม่มีใครใส่แสดงว่าทรงนี้ไม่สวย แต่จริง ๆ
แล้วเป็นเพราะว่าเราลืมมองความต้องการที่แท้จริงของเรา เพราะนั่นเรากำลังตามแฟชั่นอยู่ ฉะนั้น อย่ามองว่าคนอื่นใส่แล้วดี ใส่แล้วสวย เมื่อเราใส่บ้างก็คงจะสวยตามเขา ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วเราอาจจะใส่ทรงอื่นแล้วออกมาดีกว่าก็ได้ ลองหันมามองตัวเอง เลือกในสิ่งที่เหมาะ แล้วคุณจะแต่งกาย ออกมาได้อย่างเหมาะสมกับรูปร่าง โดยที่คุณไม่ตกยุค

ด้าน ชนะชัย จรียะธนา ดีไซเนอร์เจ้าของร้านนัมเบอร์ทะเวนตี้เซเว่น ซึ่งเป็นหนึ่งในดีไซเนอร์ของร้านมอบ เอฟ ที่สยามเซ็นเตอร์ แหล่งเสื้อผ้าแนวใหม่ที่ไม่ต้องการซ้ำใครผู้ที่คร่ำหวอดในวงการแฟชั่น มานานนับ 10 ปี แสดงทรรศนะเกี่ยวกับแฟชั่นในปี ค.ศ. 2010 ว่า โดยภาพรวมของเทรนด์ในปีนี้จะกลับมาในแบบธรรมดา เพราะธุรกิจทางด้านแฟชั่นค่อนข้างที่จะเงียบในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เนื่อง จากเศรษฐกิจชะลอตัว เมื่อเป็นเช่นนี้ คนก็จะหามุมมองใหม่ อย่างแบบแนวอวกาศแต่ก็ไม่ถึงกับมากมายนัก โดยมีโทนสีที่ไม่มาก เหมือนกับเป็นการใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปในการออกแบบเสื้อผ้า ซึ่งลักษณะของโครงเสื้อสามารถใส่ได้หลายงาน เช่น สูทจากตัวสั้นก็เป็นตัวยาว สามารถใส่กับเลคกิ้งได้ หรือบางคนใส่สูทยาวแล้วนำเข็มขัดมารัดตรงกลาง หลายคนอาจมองดูแล้วประหลาด แต่ถ้าแยกดูดี ๆ จะเห็นว่า ชุดเหล่านั้นสามารถนำมาใช้ได้ในหลาย ๆ งาน

ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดี คนออกแบบเสื้อจะทำเสื้อ ออกมาในแบบที่ธรรมดาที่สุด โดยจะต้องคิดให้มากที่สุดเช่นกัน เพราะคนจะคำนวณการใช้จ่ายมากขึ้น มีกำลังในการใช้จ่ายไม่มาก
   
"รูปแบบของเสื้อผ้าในปีนี้ น่าจะมีรูปแบบ ที่เรียบง่าย เป็นกราฟิกง่าย ๆ ส่วนเสื้อผ้าที่เป็นลายดอกจะน้อยลง สมัยก่อนเสื้อผ้าจะพิมพ์ลายซับซ้อน พิมพ์หลายรูป หลายแบบ แต่สมัยนี้ทุกอย่างจะเป็นอะไรที่ธรรมดา อย่างลายจุด ก็จะเป็นลายจุดเรียงกันอย่างง่าย ๆ โดยใช้ความเรียบง่ายเป็นที่ตั้ง"
 
สำหรับกระโปรงยังเป็นทรงดินสอ โดยจะสังเกตได้ว่าเด็กผู้หญิงสมัยนี้จะมีช่วงขาที่ยาวเรียวขึ้น จึงทำให้การตัดเย็บง่ายตามไปด้วย ส่วน กางเกงจะเป็นเลคกิ้ง กางเกงยีนขาเดฟ ยังได้รับความนิยมอยู่ แต่ในแมกกาซีนของญี่ปุ่นจะเริ่มเห็นกางเกงขายาวมาก ๆ แล้วนำไปกองไว้ที่ปลายขา แต่ยังคงเป็นขาเดฟอยู่ คืออย่างปีที่แล้วจะเป็นขาเดฟปกติ แต่ปีนี้จะเป็นเดฟขายาวขึ้นเอาไปกอง ๆ ไว้ที่เท้า เป็นการเพิ่มสัดส่วนให้มีความใหม่ขึ้น
 
ในส่วนของเสื้อผ้าผู้ชายได้รับความนิยมมากขึ้น อาจเป็นเพราะว่าผู้ชายมีการตื่นตัวและกล้าที่จะแต่งตัวมากขึ้น เพราะในสมัยก่อนเสื้อผ้าผู้ชายจะมีแค่เสื้อเชิ้ต กางเกง สูท แต่ในปัจจุบันจะมีเสื้อกั๊ก เสื้อคลุม


 

เสื้อผ้าแฟชั่น

ส่วนโทนสีเสื้อผ้า จะใช้สีขาว ดำ เทา กากี เบจ เป็นหลัก แต่จะมาหนักในส่วนของเครื่องประดับ กระเป๋า เข็มขัด รองเท้า ตุ้มหู สร้อย ที่จะเป็นสีสด ๆ ในขณะที่แบบเสื้อจะเรียบลง ด้านการตัดเย็บ ในปัจจุบันยากขึ้น เพราะความเป็นเสื้อแบบเรียบ ๆ เป็นลายที่ง่าย ๆ ทำให้ความเนี้ยบจึงต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก การตัดเย็บจะต้องละเอียดรอบคอบในการทำมากขึ้น เนื่องจากความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ จะมองเห็นได้ชัด เพราะเป็นการโชว์เนื้อผ้าที่ไม่มีอะไรมาปิดบังความหยาบ ความผิดพลาดของเสื้อ
 
เมื่อ รู้เทรนด์การแต่งตัวแล้ว ซึ่งเป็นแบบง่าย ๆ แต่สิ่งสำคัญจะอยู่ที่วิธีการใส่ เพราะคนไทยมักจะใส่ผิด อาทิ ผิดฤดู เสื้อหนา ๆ ไปใส่ในหน้าร้อน แต่หน้าหนาวกลับใส่เสื้อตัวบาง รวมทั้งใส่เสื้อผ้าไม่ได้สัดส่วนของตัวเอง จึงเป็นสิ่งที่ต้องระวังในการแต่งกาย
 
อย่าง แรกของการแต่งตัวคิดว่าจะต้องใช้ความกล้าเป็นที่ตั้ง แต่ต้องรู้ตัวเองด้วยว่ามากน้อยแค่ไหน อย่างคนผิวคล้ำใส่เสื้อสีทึบ สีเทา แต่มีเข็มขัดสีสดคาดก็สวยได้ แต่ไม่ใช่ว่าคาดเข็มขัดสีดำแล้วใส่เสื้อสีสด แต่ถ้าเป็นคนผิวขาว ใส่สีสดทั้งตัวก็สามารถทำได้ ในเมื่อใส่สีสดทั้งตัวแล้วก็หาสีเข้มมาเบรก อย่างเข็มขัดหนังมาคาดเอวจะทำให้เห็นรูปร่างชัดขึ้น เห็นเอว เห็นสีมากขึ้น ซึ่งตรงนี้จะเป็นวิธีคิดรูปแบบหนึ่งที่ทำให้เรามีมุมมองใหม่ ทำให้เรารู้จักการนำสีมาตัดกันให้เกิดความสวยงามขึ้น
 
ในเมื่อเศรษฐกิจไม่ค่อยดี เราสามารถนำแฟชั่นมาเป็นเครื่องกระตุ้นให้เรามีความสุข มีความสนุกได้แล้ว สิ่งอื่น ๆ ที่ตามมาก็จะสนุกตามไปด้วย โดยไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้าราคาแพง หรือของแบรนด์เนม แต่หาซื้อได้ตามกำลังทรัพย์ของเรา ขึ้นอยู่กับวิธีคิด การดัดแปลงให้เหมาะกับตนเอง เพราะการแต่งกายทำให้เรามีความคิดสร้างสรรค์สิ่งอื่น ๆ เกิดขึ้นตามมา ทำให้วันที่น่าเบื่อ วันที่โดนเจ้านายตำหนิ เป็นวันที่เรายิ้มได้ เพราะวันนี้เรา สวย...เราหล่อ

แล้วปี ค.ศ. 2010 จะเป็นปีที่คุณไม่ตกเทรนด์...

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์

http://women.kapook.com/view8868.html
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น