วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556

"Body hacks" ทริคสุดแปลก ที่คอนเฟิร์มว่าแก้อาการกวนใจได้จริงๆ!!

ในชีวิตประจำวันของคนเรามีหลายอย่างที่ทำให้รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ  เช่น ช่วงที่ประจำเดือนมาผู้หญิงมักจะปวดท้อง หรือกินน้ำเย็นๆ แล้วรู้สึกจี๊ดขึ้นสมอง บางทีก็รู้สึกว่าทำไมร่างกายต้องมีอาการแบบนี้ด้วย เพราะทุกครั้งที่เกิดขึ้นก็ได้แต่รอให้อาการมันหายไปหรือทานยาช่วย... แต่น้องๆ รู้มั้ยคะว่าอาการน่ารำคาญแบบรบกวนชีวิตเราสุดๆ แบบนี้สามารถหายไปได้ด้วยทริคแค่นิดเดียวเองค่ะ

         ทริคที่ว่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้งบมากมายหรือหาเครื่องมือล้านแปดอย่างมารักษา เพราะทุกทริคทำได้ง่ายๆ จากอวัยวะต่างๆ ในร่างกายนี่เองเราจึงเรียกทริคเหล่านี้ว่า body hacks ฟังดูน่าสนใจกันแล้วใช่มั้ยเอ่ย ถ้างั้นเราไปดูกันเลยว่ามีทริคอะไรและจะหยุดความน่ารำคาญของอาการไหนได้บ้าง

 
    devil 1.อาการเย็นจี๊ดขึ้นสมอง
 
"Body hacks" ทริคสุดแปลก ที่คอนเฟิร์มว่าแก้อาการกวนใจได้จริงๆ!!

           เวลากินของเย็นจัดๆ ไม่ว่าจะเป็นไอศครีม น้ำแข็งไส น้ำแข็ง น้ำเย็น หลายคนจะเกิดอาการเย็นจี๊ดขึ้นสมองแบบทรมานมากๆ ประหนึ่งหัวจะหลุดออกมาจากตรงนั้น
           ปกติได้แต่หลับตาปี๋รอให้อาการมันหายเอง แต่ต่อไปนี้มีวิธีแก้แล้วค่ะ
 ให้เอานิ้วโป้งหรือลิ้น ไปแตะเพดานปากทันทีเมื่อรู้สึกปวดหัวจี๊ด จะรู้สึกอุ่นที่เพดานปาก ช่วยผ่อนคลายความเจ็บปวดลงได้ นั่นก็เป็นเพราะว่าเวลาทานของเย็นจัดๆ ความเย็นไปโดนเส้นประสาทในปาก จะทำให้เส้นประสาทหลายๆ เส้นเกิดภาวะช็อก โดยเฉพาะแถวๆ เพดานปากของเรา แล้วยังทำให้เส้นเลือดที่ส่งสัญญาณไปสมองมีการขยายตัวและหดตัวแบบกะทันหัน จึงเป็นที่มาของอาการปวด ดังนั้นการให้เพดานปากอบอุ่นขึ้นจึงช่วยลดความเจ็บปวดจากอาการสมองจี๊ดได้นั่นเอง
  
    devil 2. อาการเพลงติดอยู่ในหัว
 
"Body hacks" ทริคสุดแปลก ที่คอนเฟิร์มว่าแก้อาการกวนใจได้จริงๆ!!

           อาการแบบนี้เชื่อว่าหลายคนเคยเป็นแน่นอน ประมาณว่ามีเพลงนึงติดอยู่ในหัวเราตลอดเวลา เวลานั่งเฉยๆ เพลงนั้นก็จะผุดขึ้นมาจนเรารำคาญ (ถ้าใครติดเ อาการนี้ก็แก้ได้ค่ะ คือให้หาอะไรทำเพื่อให้สมองไม่ว่าง เช่น เล่นเกมส์ใช้สมองประเภท puzzle ก็ได้ค่ะ ใช้เทคนิคนี้ไปสักพัก อาการเพลงติดอยู่ในหัวก็จะหายไป

   devil  3. อาการคันคอ
           เรียกว่าเป็นอาการน่ารำคาญสุดๆ ใครที่เคยคันคอจะรู้ว่ามันน่าเบื่อมาก จะไอก็ไม่ไอ มันยุบยิบๆ แถวบริเวณลำคอ ได้แต่แก้ด้วยทานยาอมหรือดื่มน้ำอุ่น แต่สักพักอาการก็จะกลับมาอีก
           ซึ่ง
ทริคแก้อาการคันคอแปลกมากๆ คือ ให้เกาหูค่ะ!! เจอทริคนี้ทีแรกก็งงเหมือนกันว่าคันคอทำไมให้ไปเกาหู สุดท้ายได้ความว่า เมื่อเราเกาหู เส้นประสาทในหูจะถูกกระตุ้นแล้วจะไปกระตุ้นเส้นประสาทที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อบริเวณคอให้กระตุก จึงช่วยให้หายคันได้นั่นเอง
 
   devil 4. อาการปวดฉี่
 
"Body hacks" ทริคสุดแปลก ที่คอนเฟิร์มว่าแก้อาการกวนใจได้จริงๆ!!

            เวลาปวดฉี่มากๆ แต่ไม่มีห้องน้ำให้เข้าหรือต้องต่อคิวนานๆ หลายคนคงรู้สึกตรงกันว่าเป็นอาการที่น่ารำคาญและทรมานที่สุดในชีวิต อยากจะปล่อยออกซะตรงนั้นเลย แต่หลังจากนี้มีวิธีบรรเทาอาการที่ดีกว่ากระโดดเหยงๆ แล้วค่ะ โดยจะมี 2 ทริค ทริคแรกก็คือ ให้คิดถึงเรื่องเซ็กส์ (วิธีนี้ออกแนว 18+ ไม่เหมาะกับน้องๆ) มีอีกทริคที่ง่ายกว่าคือ ให้เกาที่ต้นขาหลัง หรือน่องด้านหลัง สองทริคนี้ช่วยดึงความสนใจไปได้ สมองก็จะไม่นึกถึงเรื่องฉี่ ทำให้ช่วยบรรเทาอาการปวดลงได้ แต่ยังไงซะหายปวดแล้วก็ต้องขับออกอยู่ดีนะคะ ไม่ควรอั้นไว้
 
   devil 5.อาการเครียดหรือกังวล
"Body hacks" ทริคสุดแปลก ที่คอนเฟิร์มว่าแก้อาการกวนใจได้จริงๆ!!

              เรื่องเครียดๆ พบเจอกันได้บ่อยๆ ซึ่งทางออกของอาการเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งยาเสมอไปนะคะ ง่ายๆ แค่ยกมือขึ้นมาแล้วเป่าที่นิ้วโป้ง เพราะที่หัวแม่โป้งมีเส้นประสาทที่ควบคุมการเต้นของหัวใจอยู่ การเป่าหัวแม่มือจะช่วยให้หัวใจเต้นช้าลงได้ เราจะรู้สึกใจเย็นขึ้น ความเครียดความกังวลที่มีก็ลดลงได้

    devil 6. อาการปวดฟัน
"Body hacks" ทริคสุดแปลก ที่คอนเฟิร์มว่าแก้อาการกวนใจได้จริงๆ!!

           เป็นอีกหนึ่งอาการที่ทรมานมากๆ ใครที่ปวดฟันมากๆ ลองเอาทริคนี้ไปแก้ดูคือ เอาน้ำแข็งมาถูบนหลังมือ และซอกมือระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ วนไปวนมา เพราะส่วนนี้เป็นทางเดินของเส้นประสาทที่ช่วยลดความเจ็บปวดบริเวณหน้าและมือ จึงลดอาการปวดฟันลงได้ (แต่จริงๆ รีบไปหาหมอจะดีที่สุดค่ะ รักษาให้หายไปเลยจะได้ไม่ต้องกลับมาปวดอีก)
 
  devil  7. ฟังไม่ค่อยได้ยินเมื่ออยู่ในที่เสียงดัง
            ปัญหาเกี่ยวกับการฟังที่ทำให้เรารำคาญใจบ่อยๆ ก็เช่น คุยโทรศัพท์แล้วฟังปลายสายไม่ค่อยได้ยิน หรืออยู่ที่ในที่เสียงดัง เช่น อยู่ในปาร์ตี้ บริเวณก่อสร้าง ฯลฯ แล้วสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง
            
ทริคแก้ง่ายๆ คือ แทนที่จะใช้หูฟังทั้งสองหู ลองเปลี่ยนมาใช้หูขวาฟังเป็นหลัก หูขวาจะฟังการพูดได้ดีกว่า ส่วนหูด้านซ้ายจะฟังเรื่องเสียงดนตรีได้ดีกว่า
 
   devil 
 8. งงๆ มึนๆ หลังงีบหลับ
 
"Body hacks" ทริคสุดแปลก ที่คอนเฟิร์มว่าแก้อาการกวนใจได้จริงๆ!!

            มีจำนวนไม่น้อยที่งีบหลับไปสักพักแล้วตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัว มึนๆ งงๆ บ้านหมุน อาการนี้ให้แก้ด้วยการกินกาแฟก่อนงีบหลับค่ะ ตื่นมาก็จะสดชื่น เพราะฤทธิ์ของคาเฟอีนจะทำงานพอดี ทีนี้ก็กระปรี้กระเปร่าไร้อาการมึนหัวแล้ว
    
   devil  
9.  อาการ high five misses
"Body hacks" ทริคสุดแปลก ที่คอนเฟิร์มว่าแก้อาการกวนใจได้จริงๆ!!

             high five เป็นการทักทายแบบฝรั่งคือ การยกมือขึ้นแตะทักทายหรือแสดงความยินดีกับเพื่อนๆ เช่น จับคู่เล่นเกมกับเพื่อนแล้วตอบถูกได้คะแนนก็ยกมือหันไปแตะมือกับเพื่อน น้องๆ น่าจะเคยเล่นกันมาบ้าง ซึ่งการแตะมือ high five กันแบบนี้ก็มีพลาดกันได้ด้วยนะคะ ประมาณว่าแตะไม่โดนวืดๆ ไป ใครที่เริ่มมีอาการแบบนี้ ให้แก้ด้วยการมองที่ข้อศอกของเพื่อนแทนที่จะมองฝ่ามือ การมองที่ข้อศอกเพิ่มความแม่นยำให้การ five ค่ะ (ไฟว้นะ ไม่ใช่ ไฝว้ อิอิ) ... เดี๋ยวต้องลองไปเล่นบ้างแล้ว >
 
   devil  10. ฉีดยาแบบไม่เจ็บ
             ต่อให้คนไม่กลัวเข็มมาฉีดยาก็ต้องรู้สึกเจ็บบ้างเป็นธรรมดา เพราะของแหลมทิ่มถูกเนื้อ แต่ถ้าอยากฉีดแบบเจ็บน้อยๆ ล่ะก็มีวิธีมาแนะนำเหมือนกันค่ะ คือ ให้ "ไอ" ตอนที่เข็มกำลังจิ้มลงผิวหนัง เพราะการไอแบบฉับพลัน จะทำให้ความดันบริเวณช่องอกเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยสกัดกั้นการทำงานรับความเจ็บปวดจากไขสันหลัง จึงทำให้ฉีดยาแล้วเจ็บน้อยลงนั่นเอง
 
              โอ้โห... มีทริคแปลกๆ ใหม่ๆ ที่ไม่ค่อยรู้เต็มไปหมดเลย ไม่น่าเชื่อว่าอาการที่ร่างกายแสดงออกมาก็สามารถหายได้ด้วยการใช้ร่างกายตอบสนอง หลายทริคน่าลองนำไปใช้นะคะ แต่บางอย่างนี่บอกตามตรงว่าไม่กล้าทำ เช่น ให้ไอตอนฉีดยา กลัวว่าไอแรงไปเข็มหักคาแขน น่าจะเจ็บกว่าเดิม T^T แล้วน้องๆ ล่ะคะคิดว่าทริคไหนเจ๋งสุด คอมเม้นด้านล่างได้เลยจ้า
 
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
www.youtube.com/watch?v=pL-oG656cbk
www.buzzfeed.com/gabbynoone/body-hacks-to-make-your-life-easier

Medusa Lake ทะเลสาบอาถรรพ์ สาบสรรพสัตว์ให้กลายเป็นหิน



รูป Medusa Lake ทะเลสาบอาถรรพ์ สาบสรรพสัตว์ให้กลายเป็นหิน Medusa ตามนิยายกรีกโบราณ มันเป็นอสูรกายหน้าเป็นสาว หัวเป็นงู มีความสามารถเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตเป็นหินได้ หลายๆคนคงรู้จักกันดีกับตำนานนี้
เซตนี้ขอพามาทำความรู้จักกับ ทะเลสาบที่มีเอฟฟเฟค์ เหมือนคำสาบของเมดูซ่า ถูกขนานนามว่า Medusa Lake ทะเลสาบที่สามารถเปลี่ยนสัตว์ กลายเป็นหินได้ครับ ทะเลสาบนี้จริงๆ ชื่อ Natron อยู่ที่ northern Tanzania ช่างภาพที่ถ่ายรูปเซตนี้มา บอกว่า เขาเดินทางไปที่ทะเลสาบนี้ และพบสัตว์จำพวกนก และ ค้างคาว ตายอย่างไม่ทราบสาเหตุริมฝั่งทะเลสาบ
ซากศพมีลักษณะแห้งแข็ง คล้ายๆหิน เหมือนกับต้องคำสาบเมดูซ่า เขาเลยจับศพพวกมันมาจัดแจงท่าทาง ให้เหมือนกับมีชีวิตอยู่ แล้วถ่ายรูปไว้สร้างเป็นซีรีย์ภาพ Medusa Lake เซตนี้นั่นเอง ส่วนสาเหตุการตายเขาคิดเดากันว่า น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ เต็มไปด้วยโซดา และ เกลือ ทำให้สัตว์ที่ตายถูกดูดน้ำออกไปจากร่างกายจนแห้งไปหมดทั้งตัว จนเกิดเป็นสภาพดังกล่าวนั่นเอง ลองไปดูกันครับ งามมาก ที่นี่เลยจ้า


Stony Swallow



Bat "Mummy"



Regal Eagle



Floating Flamingo



Silent Dove





credit : http://news.nationalgeographic.com/

วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556

คำคมของ เนลสัน แมนเดลา บุรุษผู้นำสันติสู่แอฟริกาใต้

MANDELA

No one is born hating another person because of the color of his skin, or his background, or his religion. People must learn to hate, and if they can learn to hate, they can be taught to love, for love comes more naturally to the human heart than its opposite.

ไม่มีใครเกลียดคนอื่นเพราะมีสีผิว พื้นเพ และศาสนาที่แตกต่างมาตั้งแต่เกิด คนทุกคนจะต้องเรียนรู้ที่จะเกลียดผู้อื่น และเมื่อคนเราสามารถเรียนรู้ที่จะเกลียดได้แล้ว ก็สามารถเรียนรู้ที่จะรักได้เหมือนกัน เพราะโดยธรรมชาติแล้ว ความรักเกิดขึ้นในหัวใจของคนเราได้ง่ายกว่าความเกลียดเสียอีก



It always seems impossible until it’s done.

ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เสมอ จนกว่าจะลงมือทำจนเป็นรูปเป็นร่าง



After climbing a great hill, one only finds that there are many more hills to climb.

หลังจากพิชิตภูเขาอันยิ่งใหญ่ได้แล้ว คนเราจะค้นพบว่า ยังมีภูเขาอีกมากมายให้ปีนป่ายกันต่อไป



There is nothing like returning to a place that remains unchanged to find the ways in which you yourself have altered.

ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการกลับไปยืนที่เดิมที่ไม่เคยเปลี่ยน เพื่อค้นหาคำตอบว่าเราเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง



If you want to make peace with your enemy, you have to work with your enemy. Then he becomes your partner.

ถ้าเราอยากจะสร้างสันติกับศัตรู เราจะต้องจับมือกับศัตรู แล้วศัตรูก็จะกลายเป็นหุ้นส่วนของเรา



Education is the most powerful weapon which you can use to change the world.

การศึกษาเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด ที่เราจะนำมาใช้ในการเปลี่ยนแปลงโลก



If you talk to a man in a language he understands, that goes to his head. If you talk to him in his language, that goes to his heart.

หากคุณพูดกับใครสักคนด้วยภาษาที่เขาเข้าใจ คำพูดเหล่านั้นจะถูกส่งผ่านไปยังสมองของเขา แต่หากคุณพูดกับใครสักคนด้วยภาษาของเขา คำพูดเหล่านั้นจะถูกส่งผ่านไปยังหัวใจ



The brave man is not he who does not feel afraid, but he who conquers that fear.

คนกล้าหาญไม่ใช่คนที่ไม่รู้สึกเกรงกลัวอะไร แต่คือคนที่เอาชนะความกลัวที่มีได้ต่างหาก



Freedom would be meaningless without security in the home and in the streets.

เสรีภาพจะไม่มีความหมายเลย หากปราศจากความปลอดภัยในบ้านและท้องถนน


Resentment is like drinking poison and then hoping it will kill your enemies.

ความขุ่นเคือง คือการที่คุณดื่มยาพิษ แล้วหวังให้ผู้อื่นตาย



If there are dreams about a beautiful South Africa, there are also roads that lead to their goal. Two of these roads could be named Goodness and Forgiveness.

หากเรามีความฝันถึงสังคมแอฟริกาใต้อันงดงาม ก็มี 2 เส้นทางที่นำพาให้ไปถึงจุดหมายนั้นได้ และ 2 เส้นทางที่ว่านั้น ชื่อว่า "ความดี" และ "การให้อภัย"



            ทั้งนี้ เนลสัน แมนเดลา เป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของแอฟริกาใต้ ที่ได้รับการเลือกตั้งมาจากระบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยเข้าดำรงตำแหน่งระหว่าง พ.ศ. 2537-2542 ในช่วงก่อนดำรงตำแหน่งงานเป็นแกนนำในการต่อต้านการเหยียดผิว ซึ่งพยายามแบ่งแยกคนผิวสีออกจากคนผิวขาวในแอฟริกาใต้ และถูกจำคุกนานถึง 27 ปี ในข้อกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้าย แต่ก็ไม่เคยลดละความตั้งใจที่จะนำความเสมอภาคมาสู่ชาวผิวสีพื้นเมืองซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ และแล้วก็ทำได้สำเร็จ อีกทั้งยังเป็นแรงผลักดันให้เกิดการสันติภาพขึ้นอีกในหลาย ๆ ประเทศ จนได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ในปี 2536 แม้ปัจจุบันแมนเดลาจะละจากตำแหน่งประธานาธิบดีไปแล้ว ท่านก็ยังได้รับยกย่องอย่างสูงในฐานะรัฐบุรุษอาวุโสของประเทศ และยังคงเป็นที่รักของประชาชนชาวแอฟริกาใต้เสมอมา

เนลสัน แมนเดลา

  

เนลสัน โรลีลาลา แมนเดลา (กโฮซาNelson Rolihlahla Mandela[xoˈliɬaɬa manˈdeːla]) เกิดวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 ที่ดินแดนปกครองตนเองทรานสไก ประเทศแอฟริกาใต้[1]ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ในช่วงปี พ.ศ. 2537-2542 และเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งตามกระบวนการทางประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง ก่อนหน้าการดำรงตำแหน่งนี้นี้ เขาได้เป็นที่รู้จักกันทั้งในและนอกประเทศในฐานะที่เคยเป็นนักเคลื่อนไหวตัวยงเพื่อต่อต้านการถือผิวในประเทศแอฟริกาใต้ จากที่แรกเริ่มเป็นผู้เคลื่อนไหวในทางสันติ ได้กลายมาเป็นผู้นำกลุ่มกองกำลังติดอาวุธของพรรคสมัชชาแห่งชาติแอฟริกา และได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่อต้านใต้ดินโดยใช้อาวุธ เช่น การก่อวินาศกรรม ในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้นำต่างชาติที่นิยมการถือผิวในประเทศแอฟริกาใต้ เช่น มาร์กาเรต แทตเชอร์ และโรนัลด์ เรแกน ได้ประณามกิจกรรมเหล่านี้ว่าเป็นการก่อการร้าย
เขาถูกจำคุกเป็นเวลาทั้งสิ้น 27 ปี ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นการถูกคุมขังในห้องขังเล็ก ๆ บนเกาะร็อบเบิน การถูกคุมขังนี้ได้กลายมาเป็นกรณีตัวอย่างของความอยุติธรรมของนโยบายการถือผิวที่ถูกกล่าวถึงไปทั่ว เมื่อเขาได้รับการปล่อยตัวในปี พ.ศ. 2533 นโยบายประสานไมตรีที่เนลสันได้นำมาใช้ทำให้แอฟริกาใต้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่แห่งประชาธิปไตย เป็นที่ยกย่องอย่างสูงภายในประเทศแอฟริกาใต้ในฐานะรัฐบุรุษอาวุโส ชาวแอฟริกันขนานนามสมาชิกชายอาวุโสของตระกูลแมนเดลาอย่างให้เกียรติว่ามาดิบา แต่มักเจาะจงหมายถึงเนลสัน แมนเดลาเท่านั้น เนลสัน แมนเดลา เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ที่บ้านของเขาในโจฮันเนสเบิร์ก หลังจากเจ็บป่วยมาเป็นเวลานาน
เขาได้รับรางวัลต่าง ๆ มากกว่า 250 รางวัลตลอดช่วงเวลา 4 ทศวรรษ รางวัลที่สำคัญที่สุดคือรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ประจำปี พ.ศ. 2536

วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วันสิทธิมนุษยชนโลก 10 ธันวาคม


ความเป็นมาของวันสิทธิมนุษยชน
           ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ สิ้นสุดลง ผู้นำประเทศต่างๆ ได้ตระหนักว่า การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญที่จะก่อให้เกิดสันติภาพแลความเจริญก้าวหน้าขึ้นในโลก ดังนั้น จึงได้ร่วมมือกันจัดตั้งองค์การสหประชาชาติขึ้น เพื่อเป็นองค์การโลกที่จะคุ้มครองมนุษยชาติให้ได้รับความเป็นธรรมอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน สมัชชาสหประชาชาติได้มีมติรับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (The Universal Declaration of Human Rights) เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ และมีมติประกาศให้วันที่ ๑๐ ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิทธิมนุษยชน (Human Rights Day) 

         หลังจากนั้นสมัชชาสหประชาชาติได้มีมติเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ ให้ร่างตราสารสิทธิมนุษยชนขึ้น ๒ ฉบับ โดยให้ใช้ชื่อว่า กติกา (convenant) ซึ่งมีเนื้อหาว่าด้วยสิทธิทางแพ่งและทางการเมืองฉบับหนึ่ง และอีกฉบับหนึ่งว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยผ่านการรับรองเมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ และวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๙ ตามลำดับ และต่อมาได้มีมติประกาศให้ปี ค.ศ. 1995-2004 เป็นทศวรรษแห่งสิทธิมนุษยชนศึกษาของสหประชาชาติ
          สหประชาชาติได้แสดงความห่วงใยต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนในหลายพื้นที่ของโลก โดยเฉพาะต่อผู้อพยพและผู้ลี้ภัย ผู้ไร้ที่อยู่ในประเทศ ชนกลุ่มน้อยและกลุ่มศาสนา ผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง และสื่อมวลชน ต่อการกระทำทารุณเด็ก การใช้แรงงานเด็ก การเกณฑ์เด็กเป็นทหาร เด็กกำพร้าเด็กเร่ร่อน เด็กข้างถนน โสเภณีเด็ก เด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีจากมารดา การลักลอบค้าอาวุธสงครามขนาดเล็ก กับระเบิด การทำทารุณต่อนักโทษ ความแออัดในเรือนจำ การขาดแคลนสิ่งอำนวยความสะดวกให้นักโทษ
                มาทบทวนดูว่า 60 ปีที่ผ่านมา สิทธิมนุษยชนโลกมีความก้าวหน้ามากน้อยเพียงใด มีอุปสรรคอะไรบ้าง
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนมีเพียง 30 มาตราเท่านั้น แต่ละมาตราก็เขียนไว้สั้น ๆ แต่มีความหมาย บนพื้นที่ที่ว่าคนทุกคนมีเสรีและความเท่าเทียมกัน สิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานต้องได้รับการเคารพ ซึ่งสอดคล้องกับคำประกาศของฝรั่งเศสหลังการปฏิวัติปี 1789 ที่ว่า “คนทุกคนเกิดมามีเสรีและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ” ในอังกฤษก็มีปฏิญญาปี 1689 ที่ห้าม “การลงโทษอย่างป่าเถื่อน หรือกระทำการที่ไร้มนุษยธรรมและลดคุณค่าของความเป็นมนุษย์”

โลกในช่วงเวลานั้นมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงโดยรัฐ โดยเฉพาะในประเทศคอมมิวนิสต์ ประเทศเผด็จการ รัฐด้อยพัฒนาในแอฟริกา เอเชีย ละตินอเมริกา จึงเป็นของแน่นอนที่รัฐบาลประเทศเหล่านี้จำนวนไม่น้อยคัดค้าน ไม่ยอมรับปฏิญญาดังกล่าว เช่น สหภาพโซเวียดไม่รับในเรื่องสิทธิทรัพย์สินส่วนบุคคลเพราะขัดกับหลักการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ สหภาพแอฟริกาใต้ไม่ยอมรับศักดิ์ศรีของมนุษย์ เพราะในประเทศนั้นมีลัทธิแบ่งผิว ซาอุดิอาราเบียไม่ยอมรับโดยอ้างว่าขัดกับหลักศาสนา กว่าจะให้ประเทศทั่วโลกยอมรับปฏิญญานี้ได้ก็ใช้เวลาอีกหลายสิบปีหลังจากปี 2948

แม้ไม่ใช่สนธิสัญญาและไม่มีบทลงโทษสำหรับรัฐที่ไม่ปฏิบัติตาม ประเทศที่ปฏิบัติตามระยะแรกส่วนใหญ่เป็นฝรั่งยุโรปและอเมริกาซึ่งมีพัฒนาการทางความคิดด้านสิทธิมนุษยชนก้าวหน้า ส่วนประเทศที่ไม่ยอมปฏิบัติตามมักอ้างเรื่องอำนาจอธิปไตยและขนบธรรมเนียมประเพณี อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สหประชาชาติโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชน และองค์กรภาคเอกชนระหว่างประเทศ เช่น ศูนย์เฝ้าระวังเรื่องสิทธิมนุษยชน (Human Right Watch) หรือ ศูนย์นิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ที่ร่วมกับตรวจสอบ เผยแพร่ รวมทั้งประเทศฝรั่งมหาอำนาจเช่น สหรัฐ สหภาพยุโรป ที่หันมาใช้ประเด็นสิทธิมนุษยชนกดดันประเทศที่รับความช่วยเหลือ หรือประเทศที่ค้าขายด้วย ให้ปฏิบัติตามปฏิญญาสากล ที่สำคัญคือ คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติเริ่มมีข้อมติดำเนินการต่อประเทศที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ทำให้ในปัจจุบัน สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนดีขึ้นในระดับหนึ่ง หลายประเทศได้เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ องค์กรระดับภูมิภาคเขียนไว้ในกฎบัตร ทำให้ประเทศสมาชิกต้องคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนมากขึ้น

60 ปีผ่านไป โลกยังมีปัญหาสิทธิมนุษยชน 4 ประเด็นสำคัญ คือ (1) ผู้หญิงทั่วโลกยังถูกกระทำรุนแรงโดยคนในครอบครัว และเวลาไปหางานทำก็ไม่ค่อยได้ปัญหาแบ่งแยกเรื่องเพศ (2) ชนกลุ่มน้อยในประเทศยังถูกแบ่งผิว ถูกกระทำรุนแรงทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา (3) สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารถูกปฏิเสธในหลายประเทศ ทำให้คนหลายล้านคนเข้าไม่ถึงข้อมูลที่ถูกต้องเพราะรัฐบาลเซ็นเซอร์และถูกห้ามไม่ให้ตีพิมพ์ (4) คนอย่างน้อย 1,000 ล้านคนทั่วโลก หรือร้อยละ 20 ไม่อาจใช้สิทธิขั้นพื้นฐานในการมีอาหารและน้ำดื่มสะอาดเพียงพอสำหรับบริโภค

จากรายงานขององค์กรนิรโทษกรรมสากล พบว่า ยังมี 80 ประเทศที่ประชากรยังถูกกระทำไม่เหมาะสมหรือถูกทรมาน อีกอย่างน้อย 54 ประเทศที่เจอกระบวนการยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรม และอีก 77 ประเทศที่ประชากรไม่สามารถพูดแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี แม้แต่สหรัฐซึ่งควรเป็นต้นแบบของสิทธิมนุษยชนยังกระทำทารุณต่อนักโทษในคดี 9/11 ที่กวนตานาโม

โดยสรุปอาจกล่าวได้ว่า 60 ปีผ่านไป สถานการณ์สิทธิมนุษยชนโลกภายใต้ปฏิญญา มีทั้งความก้าวหน้าระดับหนึ่ง และยังมีปัญหาที่รอการแก้ไขอีกไม่น้อย แต่สิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นสิ่งสากลจะมีบทบาทมากขึ้นในทุกสังคม

         ในส่วนของประเทศไทยนั้น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ใช้กันมาในอดีต ได้กล่าวถึงสิทธิมนุษชนไว้เป็นบางส่วน จนกระทั่งได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา
จักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งเป็นฉบับปัจจุบัน ได้เน้นเรื่องสิทธิมนุษยชนไว้ค่อนข้างจะสมบูรณ์ เช่น "มาตราที่ ๔ ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ สิทธิและเสรีภาพของบุคคล ย่อมได้รับ
ความคุ้มครอง" ซึ่งสอดคล้องกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ ๑ ที่กล่าวไว้ว่า "มนุษย์ทั้งหลายเกิดมามีอิสรเสรีและเท่าเทียมกันทั้งศักดิ์ศรีและสิทธิ ทุกคนได้รับการประ
สิทธิ์ประสาทเหตุผลและมโนธรรม และควรปฏิบัติต่อกันฉันพี่น้อง" นับได้ว่า "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" เพิ่งได้รับการบัญญัตืในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นครั้งแรก ดังนั้น การ
ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิและเสรีภาพย่อมขัดต่อรัฐธรรมนูญและปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

          นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังได้บัญญัติองค์กรอิสระ เรียกว่า "คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน" เข้าไว้ด้วยในมาตรา ๑๙๙ และ ๒๐๐ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนมีจำนวน ๑๑ คน มาจากการสรรหา อยู่ในวาระ ๖ ปี มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

   ๑. ตรวจสอบและรายงานการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือการที่ไม่เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี

   ๒. เสนอมาตราการแก้ไขที่เหมาะสมต่อบุคคล หรือหน่วยงานที่กระทำหรือละเลยการกระทำดังกล่าวเพื่อดำเนินการ ในกรณีที่ปรากฏว่าไม่มีการดำเนินการตามที่เสนอ ให้รายงาน ต่อรัฐสภาเพื่อดำเนินการต่อไป

   ๓. เสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฏหมาย กฏหรือข้อบังคับต่อรัฐสภา และคณะรัฐมนตรี เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
          รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้เน้นเรื่องสิทธิและเสรีภาพค่อนข้างมาก และย้ำว่าศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ สิทธิและเสรีภาพของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง โดยไม่คำนึงถึงแหล่งกำเนิด เพศ ศาสนา และมีบทในหมวด 3 ว่าด้วย สิทธิและเสรีภาพของประชาชนไทยถึง 40 มาตรา แสดงให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญของไทยฉบับปัจจุบันได้คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนยิ่งกว่าครั้งใด ๆ นอกจากจะมีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดูแลอยู่แล้ว ยังมีองค์กรพัฒนาภาคเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนอีกหลายองค์กรทำงานควบคู่กันไป สอดคล้องกับการทำงานของคณะกรรมการว่าด้วย สิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ และองค์กรพัฒนาเอกชนสององค์กรหลักคือ องค์กรนิรโทษกรรมสากลของอังกฤษและ Human Right Watch ของอเมริกา
**************************************************************************
บรรณานุกรม
               วรนุช อุษณกร.ประวัติวันสำคัญที่ควรรู้จัก.พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ:โอเดียนสโตร์,๒๕๔๓
               http://www.the-thainews.com/analized/inter/int080152_7.htm
**************************************************************************