วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2555

La chandeleur



เครป มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่อาจไม่มีคำตอบชี้ชัด แต่คำว่า crepes มาจากคำ crispus ในภาษาละติน หมายถึงลักษณะขอบขนมที่ หยิก เป็นลอน
ชื่อ เครป จึงกลายเป็นชื่อของขนม ที่เรียกขานกันในคริสต์ศตวรรษที่ 13 เรื่อยมา
เครป เป็นขนมที่เรียบง่าย ประกอบไปด้วยแป้งสาลี ไข่ น้ำตาล นม เนย นำมาผสมกันแล้วเทลงในกระทะก็ได้แป้งแผ่นกลม สีเหลืองทอง สามารถใส่ไส้เป็นของคาวและหวานได้ตามชอบ ด้วยเหตุที่มีลักษณะทรงกลม สีเหลืองทองคล้ายดวงอาทิตย์นี่เอง ในสมัยก่อนเครปจึงเป็นขนมที่ใช้เสี่ยงทายของสังคมในยุคเกษตรกรรม เชื่อกันว่าถ้าไม่ทำเครปในวัน ลา ฌองเดอเลอร์ (La Chandeleur) แล้วล่ะก็ ต้นกล้าของข้าวสาลีก็จะเป็นโรคและเหี่ยวเฉาตายไปในที่สุด
ความเชื่อ
ลา ฌองเดอเลอร์ (La Chandeleur) หรือพิธีถวายพระกุมารในพระวิหาร ตามพระธรรมบัญญัติของโมเสส กำหนดให้มารดานำบุตรไปพระวิหารหลังจากเกิดได้ 40 วัน เป็นการถวายบุตรแก่พระผู้เป็นเจ้ารวมถึงการชำระมารดาหลังการคลอดบุตร ตรงกับวันที่ 2 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นช่วงที่ฤดูหนาวกำลังจะผ่านพ้นไปฤดูใบไม้ผลิที่สดใสกำลังจะเข้ามา ระหว่างเปลี่ยนฤดูกาลนี้เองจึงมีคำทำนายที่เชื่อมโยงกับดิน ฟ้า อากาศ อยู่ไม่น้อย
เชื่อกันว่าในงานฉลองนี้หากมีการรับประทานเครปกันจนอิ่มหนำแล้วล่ะก็ ทุกครอบครัวจะได้มีกินกันตลอดทั้งปีแถมยังมีความสุขร่ำรวยด้วยทรัพย์สินเงินทอง
ในวันเดียวกันนี้ มีการเสี่ยงทายด้วยการโยนเครปขึ้นไปในอากาศ โดยให้กำเหรียญทองไว้ในมือซ้าย ส่วนมือขวาจับหูกระทะแล้วโยนเครปขึ้นไปในอากาศ ถ้าขนมตกลงมาในกระทะได้ดังเดิม ผู้เสี่ยงทายก็จะมีเงินใช้ไปตลอดทั้งปี
บางตำราเล่าว่า ให้ซ่อนสตางค์เหรียญทองไว้ในเครปชิ้นแรกที่ทำ แล้วนำไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอนของเจ้าของบ้าน เชื่อว่าจะเป็นการเก็บเงิน เก็บทอง เก็บความมั่งมีศรีสุขของครอบครัวเอาไว้ เมื่อถึงงานฉลองลา ฌองเดอเลอร์ปีถัดไป ค่อยเอาเหรียญทองในเครปออกมามอบให้คนยากไร้ที่พบเป็นคนแรก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น