วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555

มาดาม เดอ ปอมปาดูร์



 
     ชู้รัก นามกระเดื่องคนที่สองได้แก่ มาดาม ปอมปาดัวร์ (Madame de Pompadour) แห่งฝรั่งเศสในสมัยศตวรรษที่ 18 ราชสำนักพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ในยุคนั้นเป็น สังคมของเชื้อพระวงศ์และขุนนางชั้นสูง แต่สาวน้อยปอมปาดัวร์ผู้มาจากครอบครัวราษฎรสามัญธรรม ดา ทำอย่างไรจึงเข้ามามีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังราชบัลลังก์ได้ เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจ อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา การที่กษัตริย์จะมีสนมเล็กสนมน้อยไว้เคียงข้าง เป็นสิ่งที่ยอมรับกัน สนมบางคนได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในตำแหน่ง Maitresse 


วิธีการไต่เต้าสู่อำนาจของสาวน้อยปอมปาดัวร์ ก็ไม่แพ้คลีโอพัตรา 

     นั่นคืนในงานแฟนซีสวมหน้ากาก กลางอุทยานพระราชวัง แวซายลส์ปี ค.ศ.1745 ปอม-ปาดัวร์ในวัย 24 ได้รับเชิญในฐานะบุตรีของคหบดี (ผู้กำลังล้มละลาย) เธอแต่งแฟนซีในชุดสาวเลี้ยงแกะ ส่วนพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ทรงแต่งองค์โดยการ เอากิ่งไม้ใบไม้มาประดับ พระวรกาย เมื่อทั้งสองได้ประสบ พบพักตร์ก็เกิด “ปิ๊ง” กันขึ้นในทันที แล้วปอมปาดัวร์ก็ได้เป็นคู่เชย ร่วมบรรจถรณ์ของพระราชาอย่างแนบแน่น

ทว่า 5 ปีต่อมา ความสัมพันธ์ทางเพศของทั้งสองก็จืดจางลง จะด้วยสาเหตุใดไม่แน่ชัด อาจด้วยปัญหาทางสุขภาพของปอมปาดัวร์ และทำให้เธอต้องมองหาหนทางที่จะยังคงอยู่ ในฐานะสนมคนสำคัญต่อไป 

     “แท็กติก” อย่างหนึ่งที่ปอมปาดัวร์นำมาใช้คือ สร้างภาพ ของเธอไว้ทุกหนแห่งในวัง แบบว่าไม่ว่าพระเจ้าหลุยส์ดำเนินไปที่ใดก็จะทอดเนตรเห็นสิ่งอันเป็นสัญลักษณ์ของปอมปาดัวร์ อาทิ ภาพเขียนรูปเหมือนของเธอที่ติดประดับแทบทุกผนัง ผ้าม่านทุกผืนที่แขวนนั้นเธอเป็นผู้เลือกหามา ถ้วยชามกระเบื้องต่างๆเป็นสิ่งที่เธอจัดสรร ไม่ว่าประทับอยู่ใดก็จะมีกลิ่นอายของเธอห้อมล้อมอยู่
ถัดมา ปอมปาดัวร์เริ่มมีอิทธิพลต่อนโยบายต่างประเทศของฝรั่ งเศส รวมทั้งในวงการทหาร เธอเขียนจดหมายนับไม่ถ้วนถึงเหล่านายพล กระทั่งคนฝรั่งเศสแอบลือกันว่าเธอนี่แหละคือนายกรัฐม นตรีตัวจริง เธอผันแปรจากสภาพของนางบำเรอไปสู่การเกาะกุมอำนาจ อันปราศจากการใช้กามารมณ์เป็นเครื่องมือ นับเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากเจ้าแม่ยั่วเมือง
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น